บีเอ็นพี พาริบาส์ ระบุว่า ยอดส่งออกเดือนม.ค.ของญี่ปุ่นที่ทรุดตัวลง 45.7% และตัวเลขขาดดุลการค้าที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นกำลังดำดิ่งลึกขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐและยุโรปได้บั่นทอนยอดส่งออกรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าของญี่ปุ่นทรุดตัวลงด้วย
กระทรวงคลังญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดขาดดุลการค้าในเดือนม.ค.พุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.526 แสนล้านเยน (9.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และเป็นตัวเลขขาดดุลการค้าที่สูงสุดนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มเก็บข้อมูลในปี 2522 โดยยอดส่งออกสินค้าจากญี่ปุ่นไปยังสหรัฐร่วงลง 52.9% นอกจากนี้ ยอดส่งออกไปยังเอเชียและยุโรปทรุดตัวลงเช่นกัน
ฮิโรชิ ชิราอิชิ นักวิเคราะห์จากบีเอ็นพี พาริบาส์ ซิเคียวริตีส์ เจแปน กล่าวว่า "ประชาชนเริ่มตระหนักว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยในระดับรุนแรงแล้ว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากยอดส่งออกที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก และสกุลเงินเยนที่อยู่ในระดับที่ไม่น่าลงทุน ซึ่งแรงกดดันเหล่านี้ทำให้บริษัทเอกชนญี่ปุ่นลดการจ้างงานและการลงทุน"
รายงานระบุว่า ยอดส่งออกสินค้าจากญี่ปุ่นไปยังทวีปยุโรปร่วงลง 47.4% ในเดือนม.ค. ขณะที่ยอดส่งออกไปยังจีนลดลง 45.1% และยอดส่งออกไปยังประเทศอื่นๆของเอเชียดิ่งลง 46.7% ส่วนยอดนำเข้าสินค้าของญี่ปุ่นลดลง 31.7%ในเดือนม.ค.
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นพึ่งพาการส่งออกมากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นตกอยู่ในภาวะเปราะบางเมื่อเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ ภาคเอกชนปรับลดการผลิต 9.8% ในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราว่างงานในญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 41 ปีที่ 4.4%
นายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการบีโอเจคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะยังคงถดถอยลงในไตรมาสหน้า และคาดว่าบริษัทเอกชนจะประสบความยากลำบากในการระดมทุนเนื่องจากนักลงทุนไม่ต้องการเสี่ยง นอกจากนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลยังไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูตัวเลขการใช้จ่ายภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลงและฉุดคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีทาโร อาโสะลดลงด้วย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน