ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ปอนด์ และฟรังค์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงอย่างหนักและตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนเนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวที่รัฐบาลสหรัฐเตรียมทดสอบความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารยักษ์ใหญ่ภายในประเทศ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.2771 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพุธที่ 1.2707 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4333 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4196 ดอลลาร์/ปอนด์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 98.420 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 97.670 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1632 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1709 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6536 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.6462 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.5110 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5086 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
เดวิด กิลมอร์ นักวิเคราะห์จากฟอเรนจ์ เอ็กซ์เชนจ์ อนาไลติกส์ กล่าวว่า ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 667,000 รายในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 21 ก.พ. จากรอบสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ 631,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิจะลดลงสู่ระดับ 625,000 ราย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.ร่วงลง 10.2% เหลือเพียง 309,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2506 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.จะอยู่ที่ 330,000 ยูนิต
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.ร่วงลง 5.2% เหลือเพียง 1.638 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีพ.ศ.2545 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.จะลดลงเพียง 2.5%
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศแผนทดสอบความสามารถในการรักษาฐานะทางการเงิน (stress test) ของ 19 ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ภายในประเทศ รวมถึง ซิตี้กรุ๊ป, อเมริกัน เอ็กซ์เพรส และโกลด์แมน แซคส์ เพื่อประเมินว่าสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีเงินทุนเพียงพอที่จะรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ ซึ่งหากไม่เพียงพอ ทางรัฐบาลก็จะยื่นมือช่วยเหลือ
ค่าเงินปอนด์ได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่ารัฐบาลอังกฤษวางแผนที่จะให้ความช่วยเหลือภาคการธนาคาร โดยนายเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษยืนยันว่า แผนการดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งการประกาศแผนการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ เปิดเผยตัวเลขขาดทุนปี 2551 เป็นวงเงินสูงถึง 3.44 หมื่นล้านดอลลาร์