เดลล์ อิงค์ (Dell Inc.) ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรายใหญ่ที่สุดอันดับสองรายงานผลกำไรไตรมาส 4 ที่พุ่งสูงกว่าคาดการณ์ พร้อมประกาศแผนประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2554
โดยเดลล์เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้สุทธิที่ระดับ 351 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 18 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 4 ของปี 2551 เมื่อเทียบกับระดับ 697 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 31 เซนต์/หุ้นในปีก่อนหน้านี้ ซึ่งหากไม่รวมค่าใช้จ่ายต้นทุนพบว่า รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 29 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 27 เซนต์/หุ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ไมเคิล เดลล์ ซีอีโอของเดลล์ได้ปรับลดพนักงานและระงับการผลิตที่ฐานการผลิตบางแห่งโดยมีเป้าหมายที่จะประหยัดต้นทุนให้ได้ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในระยะเวลาสองปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากที่ตั้งเป้าไว้ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากบริษัทต้องปรับตัวตามอุปสงค์เครื่องคอมพิวเตอร์พีซีที่ลดลง ซึ่งอุปสงค์สินค้านั้นมีผลต่อรายได้ของบริษัทอย่างมากและได้สร้างแรงกดดันให้บริษัทต้องปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่ายตามมา
ทั้งนี้ เดลล์ ซึ่งเสียตำแหน่งแชมป์ในอุตสาหกรรมพีซีให้กับฮิวเลตต์-แพคการ์ดในปี 2549 กำลังหาลู่ทางจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทค้าปลีกเช่นเบสท์ บาย และวอลมาร์ท เพื่อหวังเพิ่มช่องทางการว่างจำหน่ายสินค้ามากขึ้น โดยขณะนี้ เดลล์วางขายคอมพิวเตอร์พีซีในร้านค้า 24,000 แห่ง ซึ่งยังเป็นรองฮิลเลตต์ แพ็กการ์ดที่มีศูนย์จำหน่ายสินค้ากว่า 80,000 แห่ง
ด้านบริษัทวิจัย ไอดีซีและการ์ทเนอร์ อิงค์ ระบุว่า ยอดขายในตลาดคอมพิวเตอร์พีซีในช่วงเวลาดังกล่าวขยายตัวช้าสุดนับตั้งแต่ปี 2545 โดยยอดขายของเดลล์ในไตรมาสที่แล้วตกลง 16% แตะที่ 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ