ปลัดกระทรวงพลังงานสั่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ประเมินความต้องการใช้ไฟฟ้าปีนี้ใหม่ในกรณีที่ภาวะเศรษฐกิจขยายตัวติดลบ 1% เพื่อให้การลงทุนสอดคล้องกับความเป็นจริง หลังพบช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.พ.52) ความต้องการใช้ติดลบมากกว่า 10% เพราะหากปล่อยให้ลงทุนเกินจริงเกรงจะส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นอีก
"ให้ กฟผ.ทำการวิเคราะห์ความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งปีนี้ใหม่ กรณีเศรษฐกิจของประเทศปีนี้อยู่ในขั้นติดลบ 1% เพื่อให้การลงทุนที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด เพราะจะมีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการ กฟผ.กล่าว
เนื่องจากแผนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน กฟผ.ได้จัดทำภายใต้สมมุติฐานภาวะเศรษฐกิจขยายตัวในระดับ 0-2% ซึ่งมาจากการคาดการณ์เดิมของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) อีกทั้งความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วง 2 เดือนแรกลดลงมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"การวิเคราะห์เพื่อเตรียมพร้อมไว้ เพราะหากเป็นจริงก็จะทำให้สำรองไฟฟ้ามีสูงขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 28% และส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้า" นายพรชัย กล่าว
ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การปรับแผนลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่คงเป็นเรื่องลำบาก เพราะการลงทุนในช่วงปี 2552-56 ได้มีข้อตกลงในการรับซื้อขายไฟฟ้าและมีการลงทุนไปแล้ว ดังนั้นหากมีการขยับหรือปรับใหม่ก็คงเป็นโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะเข้ามาหลังปี 2557