นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ไทยเพิ่มเริ่มเข้าสู่วิกฤติเศรษฐกิจจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลก และเห็นว่าวิกฤติเศรษฐกิจรอบนี้จะมีมากกว่าปี 41 เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีการบริหารจัดการได้ยากกว่า และคาดว่าต้องใช้เวลาฟื้นตัวถึง 3-4 ปี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลด้วย
"เมื่อปี 41 เป็นวิกฤติสถาบันการเงินก็ยังมีส่งออกมาช่วยรองรับ แต่ปีนี้ปัญหามีความสลับซับซ้อนมากกว่า เมื่อการส่งออกมีปัญหา จะมีอะไรมารองรับคนตกงาน และหากยิ่งปล่อยเวลานาน ปัญหาก็ยิ่งยาว ลุกลามไปเป็นปัญหาสังคมและการเมือง แต่ปี 41 เราใช้เวลา 5 ปีกว่าระดับการผลิตจะกลับมา แต่ปีนี้มองว่าเราคงต้องใช้เวลา 3-4 ปี ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล และถือเป็นความท้าทาย"นายฉลองภพ กล่าว
อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ทุกประเทศในภูมิภาคกำลังเผชิญปัญหาการส่งออกหดตัวลดลงอย่างมาก และเป็นปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้น เห็นว่ารัฐบาลจะต้องมีแนวทางรองรับ เพราะหากการส่งออกหดตัว 10-20% จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาคนตกงานมากขึ้น นโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนคงไม่สามารถใช้ได้ผลในภาวะที่ไม่มีความมั่นใจ คงจะไม่มีการบริโภค เพราะอยู่ในภาวะเสี่ยงตกงาน เงินเดือนไม่ขึ้น คนออมมีรายได้ลดลงเพราะผลตอบแทนดอกเบี้ยลดลง จึงเห็นว่ารัฐบาลควรหันมาสนใจปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่าตัวเลขจีดีพี
ทั้งนี้ เห็นว่าแนวทางที่จะช่วยแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม หลังเกิดภาวะคนตกงานมากขึ้นได้นั้น รัฐบาลจะต้องเป็นนายจ้างเอง ทำให้เกิดการจ้างงานในหมู่บ้าน เช่น หากมีการจ้างงาน 10 ตำแหน่ง/หมู่บ้าน ก็จะเกิดการจ้างงานทั่วประเทศแล้กว่า 7 แสนตำแหน่ง ขณะนี้ที่โครงการฝึกอบรมคงไม่สามารถเกิดผลได้หากไม่มีงานทำ
พร้อมเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งให้ความสำคัญในการดึงเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวมากขึ้น เนื่องจากมองว่าเป็นการใช้จ่ายที่มีเงินหมุนเวียนได้ดีที่สุดในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งทุกการใช้จ่ายในภาคการท่องเที่ยว 1 บาทจะช่วยให้จีดีพีเพิ่มขึ้น 2 บาท
อย่างไรก็ตาม ระยะปานกลาง รัฐบาลจำเป็นต้องหันมาปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาการส่งออกเป็นตัวนำเศรษฐกิจ ลดการนำเข้า และให้ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และกองทัพ หันมาส่งเสริมการใช้และผลิตสินค้าในประเทศ โดยเฉพาะด้านพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทั้งด้านวิจัย วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
"ตอนนี้ทุกประเทศกำลังเผชิญปัญหาด้านกำลังซื้อน้อยลง และเป็นในเวลาพร้อมๆ กัน ตอนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาการส่งออก และถือเป็นสภาพความเป็นจริงของโลก ที่กำลังการผลิตมีมากกว่ากำลังซื้อของโลก" อดีต รมว.คลัง กล่าว