กระทรวพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2551 หดตัวลง 6.2%ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวรุนแรงสุดในรอบ 27 ปี และมากกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้นว่าจะหดตัวเพียง 3.8% เนื่องจากการทรุดตัวลงของยอดส่งออก, ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และการลงทุนในภาคเอกชน
จีดีพีของสหรัฐซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก หดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสเป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอย, ภาคเอกชนลดการจ้างงาน และอุตสาหกรรมส่งออกของสหรัฐถูกกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นอัตรา 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมในสหรัฐ ร่วงลง 3.7% ในเดือนม.ค. ซึ่งร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ คาดว่าชาวอเมริกันจะลดการใช้จ่ายลงอีกเนื่องจากตัวเลขว่างงานพุ่งสูงขึ้น โดยในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ภาคเอกชนลดการจ้างงานแล้ว 598,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ตัวเลขว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.6 ล้านคน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยในเดือนธ.ค.ปี 2550
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวประมาณ 0.5-1.3% ในปีนี้ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวเพียง 0.2-1.1% โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวตลอดทั้งปี 2552 ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวทั้งปีเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 8.5-8.8% สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7.1-7.6% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน