ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) เปิดเผยว่า สกุลเงินหลักๆของโลกร่วงลงอย่างหนักในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว เนื่องจากภาวะผันผวนในตลาดปริวรรตเงินตรา หลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลายเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายสกุลเงินที่มีความเสี่ยง และขายเพื่อนำเงินไปชำระหนี้
พาโอลา กัลลาร์โด นักวิเคราะห์จาก BIS กล่าวว่า "ธุรกรรมการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราทั่วโลกทรุดตัวลงมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนไม่ต้องการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะผันผวนของราคา ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เทรดเดอร์ยากที่จะคาดการณ์ทิศทางของสกุลเงิน นอกจากนี้ บริษัทเอกชนที่ต้องพึ่งพาการลงทุนในสกุลเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิ อาทิ บริษัทโบรกเกอร์ชั้นดี อาจลดขนาดการทำธุรกรรมด้านปริวรรตเงินตรา"
"วอลุ่มการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราปรับตัวลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ดีมานด์การระดมทุนสกุลเงินดอลลาร์ระยะสั้นนอกเขตแดนสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างฉบับพลัน เนื่องจากสถาบันการเงินพยายามตุนเงินสดไว้ในคลัง จึงทำให้ตลาดการเงินตกอยู่ในภาวะตึงตัว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มขึ้นนับตั้งแต่การล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส" BIS กล่าว
ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤตการณ์สินเชื่อในเดือนส.ค.ปีพ.ศ.2550 นั้น สถาบันการเงินทั่วโลกได้เข้าทำโพสิชั่นสกุลเงินต่างประเทศอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะธนาคารยุโรปที่เข้าทำโพสิชั่นในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศถึง 1.1-1.3 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ การระดมทุนของสถาบันการเงินหลายแห่งเป็นไปอย่างคล่องตัวเนื่องจากสามารถกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางและตลาดเงิน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน