ผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรป หรืออียู ปฏิเสธข้อเรียกร้องขอความช่วยเหลือให้กลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก รวมถึงมาตรการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะที่เยอรมนีเริ่มมีความวิตกกังวลต่อตัวเลขขาดดุลบัญชี หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
โดยผู้นำอียูได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของฮังการีที่ต้องการให้อียูออกเงินกู้ 1.80 แสนล้านยูโร (2.28 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับกลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก และแนะให้ค่ายรถสัญชาติยุโรปในเครือเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) เปลี่ยนเป้าหมายไปขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลแทน
ทั้งนี้ วิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงในรอบหลายทศวรรษที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ขยายวงกว้างจนสร้างความเสียหายลุกลามไปยังประเทศยุโรปตะวันออก จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการผนึกกำลังสร้างความเข้มแข็งในตลาดการค้าเสรี ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาและการฟื้นฟูของยุโรป และธนาคารเพื่อการลงทุนของยุโรปประกาศอัดฉีดเงินกู้เพื่อช่วยเหลือภาคธนาคารของยุโรปตะวันออกไปแล้วกว่า 2.45 หมื่นล้านยูโร
ด้านคณะกรรมาธิการยุโรปคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอียูจะหดตัว 1.8% ในปีนี้ โดยเศรษฐกิจลัตเวีย อดีตสมาชิกสหภาพโซเวียตที่เคยมีการขยายตัวได้อย่างโดดเด่นเมื่อ 3 ปีก่อนจะติดลบ 6.9% ส่วนในโปแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกจะทรุดตัวลงสู่ระดับ 2% ซึ่งทำสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2545
ขณะเดียวกัน นายโฮเซ่ บาร์รอสโซ่ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า ยุโรปตะวันออกยังไม่มีความจำเป็นต้องได้รับเงินช่วยเหลือก้อนพิเศษโดยให้เหตุผลว่า กลุ่มประเทศดังกล่าวสามารถใช้เงิน 1.54 หมื่นล้านยูโรจากกองทุนช่วยเหลือการชำระหนี้ของอียู และจะสามารถนำเงินจำนวน 7 พันล้านยูโรอีกจากกองทุนอุดหนุนการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคมูลค่า 1.1 หมื่นล้านยูโรไปใช้ได้เช่นกัน