เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป (จีเอ็ม) และไครสเลอร์ แอลแอลซี ซึ่งกำลังเผชิญกับกับสภาพตลาดรถที่ซบเซาหลังเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย อาจไม่สามารถหาเงินได้เพียงพอมาจ่ายเงินกู้ให้กับรัฐบาล ไม่ว่าทั้งสองบริษัทจะพยายามปิดโรงงานอีกสักกี่แห่ง นอกเสียจากว่าจะรอจนกว่าดีมานด์ฟื้นตัวขึ้น
คริสโตเฟอร์ เซราโซ นักวิเคราะห์ของเครดิต สวิส กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นจีเอ็มหรือบริษัทรถของสหรัฐรายอื่นๆจะลดต้นทุนได้ในช่วงปีหน้าหรืออีก 2 ปีถัดไป หลังจากที่ยอดขายหดตัวลง
ทั้งนี้ ผลการวิจัยของนักวิเคราะห์ที่บลูมเบิร์กได้สำรวจความคิดเห็นระบุว่า ยอดขายรถเดือนก.พ.ของไครสเลอร์ร่วงถึง 50% ยอดขายจีเอ็มตกลง 45% และยอดขายฟอร์ด มอเตอร์ ร่วง 42% ขณะที่โตโยต้า มอเตอร์ อาจจะรายงานตัวเลขยอดขายที่ร่วงลง 37% ฮอนด้า มอเตอร์ อาจจะมียอดขายที่อ่อนตัวลง 32% และนิสสัน มอเตอร์ ที่อาจจะมียอดขายลดลงไป 34%
ยอดขายที่อยู่ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบเกือบ 27 ปีนั้น นับเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายมากยิ่งขึ้นสำหรับจีเอ็มและไครสเลอร์ที่จะทำกำไรและจ่ายหนี้ 1.74 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา อาจจะอนุมัติเงินช่วยเหลืออีก 2.16 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทรถทั้ง 2 รายนี้ รวมทั้งสนับสนุนบริษัทชิ้นส่วนรถอีกหลายพันบริษัท
นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ที่บลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดว่า บริษัทรถอาจจะรายงานยอดขายรถใหม่ในวันพรุ่งนี้ที่ 9.5 ล้านคัน ซึ่งเป็นสถิติที่อยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2525