ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของแคนาดาหดตัวลงที่ระดับ 3.4% ต่อปีในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 ซึ่งทำสถิติดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2534 แต่ยังไม่รุนแรงเท่ากับสหรัฐหรือญี่ปุ่นที่ดิ่งลง 6.2% และ 12.7% ตามลำดับ
นายกรัฐมนตรีสตีเฟ่น ฮาร์เปอร์ของแคนาดากล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศยังคงแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับสหรัฐที่ทรุดตัวลงหนักกว่า 2 เท่า
โดยที่ผ่านมา แคนาดาไม่จำเป็นต้องให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขณะที่การดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงินรายใหญ่ในประเทศยังไม่เคยประสบภาวะล้มเหลว ซึ่งเป็นเพราะแคนาดามีข้อบังคับทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยสนับสนุนการดำเนินงานอย่างระมัดระวังของภาคธนาคาร โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐจำเป็นต้องดูตัวอย่างการกำหนดข้อบังคับด้านการบริหารจัดการระบบการเงินที่ดีของแคนาดา
ด้านเคร็ก ไรท์ นักวิเคราะห์จากโรยัล แบงก์ ออฟ แคนาดากล่าวว่า "แคนาดาอาจได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรงเกินไปนัก และเราคิดว่า ตัวเลขจีดีพีที่ติดลบ 3.4% นั้นไม่ได้ย่ำแย่เหมือนกับประเทศอื่นๆ"
อย่างไรก็ตาม วิกฤตการเงินทั่วโลกและปรากฏการณ์เทขายสินค้าโภคภัณฑ์นั้นส่งผลกระทบต่อแคนาดา ซึ่งธนาคารกลางแคนาดาคาดว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำลง 4.8% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จาก CIBC World Markets คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวอย่างน้อย 5% ในช่วงเวลาดังกล่าว
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ยอดส่งออกของแคนาดาในช่วงไตรมาส 4 ปรับตัวลดลง 4.7% ซึ่งทำสถิติลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 และเป็นการปรับตัวลงยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่า 60 ปี