จีนจะจัดการประชุมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ โดยจะให้ความสำคัญไปที่ประเด็นเรื่องสวัสดิการสังคมและการหาทางแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ หลังจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงทำให้อัตราว่างงานในประเทศสูงถึง 20 ล้านคน ส่งผลให้รัฐบาลหวั่นวิตกว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจจะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในสังคม
นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน ซึ่งจะกล่าวปราศรัยในที่ประชุม คาดว่าจะพูดถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.85 แสนล้านดอลลาร์มากกว่าเดิม รวมถึงแคมเปญในการขยายขอบเขตการให้สวัสดิการและโครงการเกี่ยวกับสุขภาพ
จ้าว หลินชง สมาชิกรัฐสภาและผู้แทนจากมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าของประเทศกล่าวว่า สถานการณ์ในปีนี้นั้นแตกต่างไปจากทุกๆปี แม้ว่าจะมีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่บริษัทส่วนใหญ่ก็จำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือและเอาตัวรอดจากภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง
บลูมเบิร์กรายงานว่า นายกฯจีนและประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ซึ่งกล่าวถึงปี 2552 ว่าเป็นปีที่ยากลำบากที่สุดสำหรับสหสัวรรษใหม่ การขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศอ่อนตัวลงไปเหลือแค่ 6.8% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว จากระดับปี 2550 ที่เฟื่องฟูถึง 13% ซึ่งตัวเลขไตรมาส 4 นั้น ยังอยู่ต่ำกว่าระดับที่รัฐบาลได้ประเมินไว้ขั้นต่ำที่ 8% ซึ่งบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการสร้างงาน
ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนี้ส่งผลกระทบต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งปกครองประเทศมาตั้งแต่ปี 2492 และสามารถสร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศได้เป็นอย่างดีในช่วง 20 ปีที่แล้ว เศรษฐกิจโลกเองก็ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจจีน หากเศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ตามเป้าที่ 8% แล้วก็จะมีส่วนช่วยหนุนเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
ปัว ชียื่อ นักวิจัยของ National University of Singapore’s East Asian Institute กล่าวว่า หากเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกฟื้นตัวขึ้น สิ่งนั้นนับเป็นความสำเร็จ และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศต่างๆทั่วโลก ดังนั้น จึงมีการให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจจีน เพราะหากเศรษฐกิจล่มสลายสถานการณ์ก็คงอยู่ในภาวะเลวร้ายสุดๆ