นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)วันนี้ กระทรวงการคลังได้รายงานฐานะการคลังของรัฐบาลช่วง 4 เดือนแรกปีงบประมาณ 52(ต.ต.51-ม.ค.52)ดุลการคลังของรัฐบาลขาดดุล 192,062 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลมีการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 16.2% เนื่องจากการเก็บภาษีน้ำมัน และภาษีมูลค่าเพิ่มได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ขณะที่งบประมาณรายจ่ายมีการเบิกจ่ายได้สูงกว่าประมาณการ ขณะเดียวกัน รัฐบาลมีการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 59,000 ล้านบาท และเงินคงคลัง สิ้นเดือน ม.ค.52 อยู่ที่ 39,938 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ 52 ที่คาดว่ารัฐบาลจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย แต่จากการที่รัฐบาลมีการจัดทำงบประมาณกลางปี 52 อีก 1.1 แสนล้านบาท และเตรียมกู้เงินต่างประเทศอีก 70,000 ล้านบาท เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น กระทรวงการคลัง ประมาณการณ์ว่า สิ้นปีงบประมาณ 52 เงินคงคลังของรัฐบาลจะอยู่ที่ 122,091 ล้านบาท
นอกจากนี้ สำหรับรายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ณ สิ้นเดือน ม.ค.52 มีรัฐวิสาหกิจ 15 แห่ง เบิกจ่ายงบลงทุน 18,477 ล้านบาท คิดเป็น 57.41% ของเป้าหมายการเบิกจ่ายงบลงทุนทั้งสิ้น 32,182.38 ล้านบาท โดยที่รัฐวิสาหิจได้รับกรอบการเบิกจ่ายงบลงทุนในปี 52 จำนวน 308,199.93 ล้านบาท และมีวงเงินเบิกจ่ายลงทุนที่พร้อมเบิกจ่ายได้จำนวน 275,153.74 ล้านบาท ทั้งนี้จะมีการเร่งรัดการเบิกจ่ายในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ เช่นการก่อสร้างรถไฟฟ้า เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตามเป้าหมาย
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานภาวะการค้าและเงินทุนเคลื่อนย้ายว่า เดือน ม.ค.52 การส่งออกหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 คิดเป็น 25.3% การนำเข้าหดตัว 36.5% รายรับจากภาคการท่องเที่ยวดีขึ้น ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัด ม.ค. เกินดุล 2,289 ล้านดอลลาร์ ดุลการค้าเกินดุล 1,688 ล้านดอลลาร์ ดุลการชำระเงินเกินดุล 1,976 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ 787 ล้านดอลลาร์ อัตราแลกเปลี่ยนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่าลงผลจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยเงินสกุลต่างๆในภูมิภาคอ่อนค่าในทิศทางเดียวกัน