โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เปิดเผยยอดขายในสหรัฐที่ร่วงลงอย่างหนัก จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กดดันให้อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกเผชิญกับวิกฤตยอดขายที่ตกลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2524 ขณะที่ฮุนได มอเตอร์ โค มียอดขายที่ลดลงไม่มากนักในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ยอดขายรถของโตโยต้าและฮุนไดร่วงลง 34% จากระดับปีก่อน โตโยต้าค่ายรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกมียอดขายทรุดฮวบลง 40% ขณะที่ฮอนด้า มอเตอร์มียอดขายดิ่งลง 38% และนิสสัน มอเตอร์มียอดขายตกลง 37% ส่วนฮุนได ค่ายรถสัญชาติเกาหลีมียอดขายที่ขยับลงเพียง 1.5% ขณะที่บริษัทลูกอย่างเกีย มอเตอร์ส คอร์ปมียอดขายเพิ่มขึ้น 0.4%
-- สหพันธ์ลอจิสติคส์และการซื้อของจีนเปิดเผย ตัวเลขดัชนีการผลิตของจีนในเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 49 จากระดับเดือนม.ค.ที่ 45.3 นับเป็นสถิติการขยายตัวที่ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แล้ว และยังเป็นการส่งสัญญาณให้ว่า เศรษฐกิจจีนใกล้จะฟื้นตัว
-- จีนจะจัดการประชุมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ โดยจะให้ความสำคัญไปที่ประเด็นเรื่องสวัสดิการสังคมและการหาทางแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ หลังจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงทำให้อัตราว่างงานในประเทศสูงถึง 20 ล้านคน ส่งผลให้รัฐบาลหวั่นวิตกว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจจะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในสังคม
-- ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลอาจต้องทุ่มเงินช่วยเหลือมากกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในการให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจธนาคารในประเทศ พร้อมทั้งยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการควบคุมมิให้บริษัทหรือบุคคลทั่วไปหลบเลี่ยงการจ่ายภาษี
-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศจะจัดสรรงบ 1.50 แสนล้านเยน หรือ 1.52 พันล้านดอลลาร์จากกองทุนฉุกเฉินในวันจันทร์หน้า เพื่อเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรจากสถาบันการเงิน อย่างไรก็ดี ยังมีสมาชิกบอร์ดบีโอเจที่ไม่เห็นด้วยกับแผนการดังกล่าว โดยมิยาโกะ ซุดะ สมาชิกบอร์ดบีโอเจ มองว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะใช้นโยบายดังกล่าว และอาจจะส่งผลกระทบต่อสถานภาพทางการเงินโดยรวมก็เป็นได้
-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ชี้กลุ่มประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกกำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก และประเทศเหล่านี้มีแนวโน้มว่าจะต้องการเงินช่วยเหลือ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งกลุ่มประเทศยากจนเหล่านี้ถือเป็นคลื่นลูกที่สามของช่วงขาลงของเศรษฐกิจโลก หลังจากที่ประเทศที่พัฒนาแล้วได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศผู้บริจาคสนับสนุนด้านการเงินเหมือนเดิม