สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กยังคงปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง และสวนทางกับสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆที่ทะยานขึ้นขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนเตรียมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 906.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 6.90 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 923.70-900.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินเดือนพ.ค.ปิดที่ 12.915 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 20.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 8.95 เซนต์ ปิดที่ 1.6940 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,044.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 8.50 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือนมิ.ย.ปิดที่ 200.30 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 7.50 ดอลลาร์
แรนดี เฟรเดริค นักวิเคราะห์จาก Charles Schwab ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กร่วงลงสวนทางกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากนักลงทุนบางกลุ่มมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนอาจยังไม่มากพอที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วโลกได้"
สื่อมวลชนทั่วโลกนำเสนอข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนอาจเพิ่มงบประมาณอีก 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.85 แสนล้านดอลลาร์ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพทางสังคม ซึ่งครอบคลุมถึงการสนับสนุนโครงการก่อสร้าง
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มสดใส โดบนักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่า ราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 และมีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากนักลงทุนยังคงมองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่ตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตัวลง