ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลจีนเตรียมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์เคลื่อนตัวผันผวนตลอดทั้งวัน โดยในช่วงปิดทำการซื้อขาย ดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนตัวลงต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่แล้ว
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 99.040 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 98.300 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1709 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1754 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.2637 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.2565 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4168 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4057 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6501 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.6388 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.5052 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.4950 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนหลังจากมีรายงานข่าวว่ารัฐบาลจีนอาจเพิ่มงบประมาณอีก 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.85 แสนล้านดอลลาร์ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพทางสังคม ซึ่งครอบคลุมถึงการสนับสนุนโครงการก่อสร้าง โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 100 จุดและหนุนราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์เคลื่อนตัวผันผวนเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ หลังจากเฟดเปิดเผยในรายงานล่าสุดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนตัวลงต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่แล้ว ADP Employer Services เปิดเผยว่า การจ้างงานในภาคเอกชนของสหรัฐลดลง 697,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากลดลง 614,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.พ.ของกระทรวงแรงงานสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะร่วงลง 650,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางอังกฤษและธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้ โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่าธนาคารกลางอังกฤษจะลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.5% และธนาคารกลางยุโรปจะลดดอกเบี้ย 0.5% สู่ระดับ 1.5% นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูแถลงการณ์เรื่องมุมมองเศรษฐกิจของนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรปคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะหดตัวลงอีกในปีนี้