นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการเยือน 4 ประเทศในแถบตะวันออกกลาง ได้แก่ คูเวต, กาตาร์, บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า ประเทศในตะวันออกกลางสนใจจะทำการค้ากับรัฐบาลไทยด้วยรูปแบบการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน(บาร์เตอร์เทรด) โดยเสนอน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแลกเปลี่ยนกับสินค้าอาหารไทย
ขณะที่ฝ่ายไทยเสนอสินค้าเกษตรที่จะนำมาแลกเปลี่ยน ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพราะไทยมีสต็อกสินค้าเหล่านี้ที่ได้จากโครงการรับจำนำเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงให้ระดับเจ้าหน้าที่ไปศึกษารายละเอียดว่าจะนำสินค้าใดมาทำบาร์เตอร์เทรดบ้าง โดยให้ได้ข้อสรุปและกลับมานำเสนอในเร็วๆ นี้ เพื่อให้การทำบาร์เตอร์เทรดเกิดขึ้นได้ภายในปีนี้
"ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ในพื้นที่ไปหารือกับระดับเจ้าหน้าที่ของประเทศในตะวันออกกลาง คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ หลังจากนั้นจะนำมาเสนอ รมว.พาณิชย์ และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี พิจารณา เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอนุมัติต่อไป ซึ่งบาร์เตอร์เทรดจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยระบายสินค้าเกษตรของไทยออกไปต่างประเทศได้" นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การทำบาร์เตอร์เทรดจะเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยระบายสินค้าเกษตรของไทยออกต่างประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการทำการค้าแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) กับประเทศต่างๆ ซึ่งมีแนวโน้มที่ประสบความสำเร็จ เพราะกลุ่มประเทศตะวันออกกลางต้องการความมั่นคงทางด้านอาหาร เนื่องจากผลิตเองไม่ได้ถึง 94%
โดยการแลกเปลี่ยนนั้นบางประเทศ เช่น คูเวตจะนำน้ำมันดิบมาแลกเปลี่ยน ซึ่งช่องทางนี้จะทำให้สินค้าเกษตรของไทยผ่านไปถึงประเทศที่ติดกับคูเวต เช่น อิรัก ขณะที่กาตาร์ซึ่งมีก๊าซธรรมชาติอยู่มากอาจนำมาแลกเปลี่ยนสินค้ากับไทย เป็นต้น
สำหรับการค้าระหว่างไทยกับ 4 ประเทศ ปี 2551 ที่ผ่านมา มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นอัตราขยายตัว 40-50%