ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะหดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และคาดว่าการค้าทั่วโลกจะถดถอยลงรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี ซึ่งการคาดการณ์ของธนาคารโลกย่ำแย่กว่าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนม.ค.ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 0.5% ในปีนี้
โรเบิร์ต โซลลิค ประธานธนาคารโลกกล่าวว่า "เราจะต้องรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจให้ทันท่วงที โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในขณะนี้ ผู้ที่มีบทบาทในการกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจโลกรอบนี้คงหนีไม่พ้นรัฐบาลและสถาบันการเงินข้ามชาติ ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะยุ่งเหยิงในสังคมและทางการเมือง"
"ประเทศในเอเชียจะได้รับผลกระทบหนักสุดจากภาวะการค้าโลกถดถอย และคาดว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกจะทรุดตัวลงต่ำกว่าปีที่แล้วถึง 15%" โซลลิคกล่าว
รายงานของธนาคารโลกระบุว่า กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา 94 จากทั้งหมด 116 ประเทศเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และมี 43 ประเทศที่จำนวนคนยากจนพุ่งสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจำนวนคนยากจนจะเพิ่มขึ้นอีกหากความช่วยเหลือจากต่างประเทศเข้าไม่ถึง
จัสติน ลิน นักวิเคราะห์ของธนาคารโลกกล่าวว่า กลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจควรเร่งใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มประเทศที่ยากจนกว่า ขณะที่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาควรเพิ่มการลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน