สื่อจีนคาดภาคอุตสาหกรรมเหล็กในปท.ควบรวมกิจการมากขึ้นในปีนี้

นสพ.ไชน่า เดลี่รายงานว่า ภาคอุตสาหกรรมเหล็กของจีนมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าควบรวมกิจการกันมากขึ้นในปีนี้ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการรับมือกับผลกระทบของวิกฤตการเงินทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

ผู้ประกอบธุรกิจเหล็กต่างเผชิญภาวะขาดทุนนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่ผ่านมา จากตัวเลขสถิติของสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีนระบุว่า 62% ของบริษัทเหล็กขนาดกลางและขนาดใหญ่ 71 แห่งมีตัวเลขขาดทุนรวมกันทั้งสิ้น 2.91 หมื่นล้านหยวน (4.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนธ.ค.2551

ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชิโนลิงค์กล่าวว่า ราคาเหล็กในตลาดจีนจะตกลงอีก 20-35% ในปีนี้ ขณะที่ผลกำไรในอุตสาหกรรมดังกล่าวลดลง 11-32% ซึ่งบรรดาผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมเหล็กมองว่า การควบรวมกิจการระหว่างบริษัทต่างๆจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในยามที่สภาพเศรษฐกิจซบเซา

ทั้งนี้ เป็นที่คาดหมายกันว่า บริษัทเหล็กขนาดเล็กในประเทศหลายแห่งจะหาทางประคองธุรกิจให้รอดพ้นจากวิกฤตการเงินด้วยการควบรวมกิจการกับบริษัทเหล็กรายใหญ่ และในปีนี้รัฐวิสาหกิจเหล็กรายใหญ่เช่น เป๋าสตีล, อันกัง สตีล และวูฮั่น ไอรอน แอนด์ สตีล กรุ๊ป จะเป็นแกนนำในการควบรวมกิจการ หลังจากในปีที่แล้วมีบริษัทที่ควบรวมกิจการกัน 17 แห่ง

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนตั้งเป้ากระตุ้นการแข่งขันของกลุ่มบริษัทเหล็กขนาดใหญ่ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตเหล็ก 50 ล้านตันต่อปี และหวังว่าบริษัทเหล็กรายใหญ่ทั้ง 5 แห่งของจีนจะสามารถผลิตเหล็กได้ 45% ของกำลังการผลิตเหล็กทั้งหมดภายในประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน