ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยรายงานการศึกษาที่มีการเผยแพร่ในวันนี้ว่า วิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วโลกได้ส่งผลกระทบให้มูลค่าสินทรัพย์สูญไปจากระบบเศรษฐกิจถึง 50 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2551 ขณะที่เอเชียเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบหนักกว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในภูมิภาคอื่นๆ
โดยในปีที่ผ่านมา สินทรัพย์ทางการเงินในเอเชียมีมูลค่าหายไปถึง 9.6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปีเดียวกันอยู่เล็กน้อย
สำนักข่าวซินหัวอ้างรายงานการศึกษาของเอดีบีในหัวข้อเรื่อง Global Financial Turmoil and Emerging Market Economies: Major Contagion and a Shocking Loss of Wealth? ว่า "เอเชียได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินหนักกว่าประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคอื่นๆ เพราะเป็นตลาดที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว"
โดยในปี 2550 มูลค่าของสินทรัพย์ทางการเงินในเอเชียเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 370% ของตัวเลขจีดีพี จากระดับ 250% ในปี 2546 ขณะที่สัดส่วนมูลค่าสินทรัพย์ในลาตินอเมริกาไต่ระดับขึ้นเพียง 30% ซึ่งทำให้มูลค่าสินทรัพย์ทางการเงินสูญไปไม่ถึง 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 57% ของจีดีพี
ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานเอดีบีกล่าวว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นนี้นับเป็นวิกฤตการณ์เลวร้ายที่สุดที่มีต่อเศรษฐกิจโลกนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ซึ่งตนเกรงว่าสถานการณ์ต่างๆอาจเลวร้ายลงก่อนที่จะฟื้นตัวดีขึ้น แตถึงกระนั้นก็ยังเชื่อมั่นว่า เอเชียจะเป็นตลาดรายแรกๆที่สามารถฟันฝ่าวิกฤตการณ์เหล่านี้ได้และจะยิ่งมีความแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน"
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่อย่างกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและลาตินอเมริกากำลังอยู่ในจุดที่เป็นทางแยกสำคัญ ซึ่งในอีก 12-18 เดือนต่อจากนี้กลุ่มประเทศเหล่านี้จะเผชิญกับความยากลำบากที่หนักหนาสาหัสมากทีเดียว