ธนาคารโลกคาดว่า ประเทศกำลังพัฒนา 129 ประเทศจะขาดแคลนเงินทุน 2.70-7.00 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ เนื่องจากสถาบันการเงินเอกชนต่างควบคุมการปล่อยเงินกู้ในตลาดเกิดใหม่ช่วงวิกฤตการเงินโลก โดยเรียกร้องให้รัฐบาลและภาคเอกชนให้การสนับสนุนและเสนอข้อมูลต่อที่ประชุมรับมนตรีคลังกลุ่ม G-20 ที่จะจัดขึ้นในวันศุกร์นี้ที่ลอนดอน อังกฤษ พร้อมกับชี้ด้วยว่าประเทศกำลังพัฒนาเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่สามารถเอาตัวรอดจากภาวะยากจนข้นแค้นได้ด้วยตัวเอง
นายโรเบิร์ต โซเอลลิค ประธานธนาคารโลก กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจโลกจำเป็นต้องได้รับการแก้ปัญหาทั่วโลกเช่นกัน รวมถึงการป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาก็เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับนานาประเทศที่จะเอาตัวรอดจากวิกฤตครั้งนี้ ทั่วโลกต้องการการลงทุนในด้านเครือข่ายความมั่นคง โครงการสาธารณูปโภค การสร้างงานของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงในสังคมและการเมือง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ธนาคารโลกยังได้คาดการณ์ด้วยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกอาจจะลดต่ำลงถึง 15% ในช่วงกลางปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนการค้าทั่วโลกก็มีแนวโน้มว่าจะหดตัวมากที่สุดในรอบ 80 ปี โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียตะวันออก
ธนาคารโลกระบุว่า กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเป็นเพียงแค่คนนอกที่ไม่รู้เดียงสาในช่วงที่วิกฤตเศรษฐกิจเริ่มเปิดฉากขึ้น แต่จนถึงขณะนี้ประเทศกำลังพัฒนา 94 ประเทศต้องเผชิญกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และอีก 43 ประเทศอยู่ในภาวะยากจน ประเทศยากจนส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากนานาประเทศมากขึ้น เนื่องจากรายได้จากการส่งออกและการเงินอ่อนตัวลง แต่ความช่วยเหลือที่จะส่งถึงมือประเทศเหล่านี้ก็ไม่มีความแน่นอน เพราะบางประเทศก็ปรับลดงบประมาณการให้ความช่วยเหลือลงเช่นกัน