นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการ รักษาการแทนผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ ธนาคารฯ ได้ลงนามกับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในการสนับสนุนเงินกู้นำไปสมทบชดเชยส่วนต่างราคาอ้อยขั้นต้นและขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2549/2550 วงเงิน 5,277.45 ล้านบาท โดยเงื่อนไขการปล่อยเงินกู้ครั้งนี้ กำหนดให้กองทุนฯ ชำระคืนเงินกู้แก่ ธ.ก.ส.ภายในระยะเวลา 12 ปี หรือไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค.2563 คิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR-0.50(ปัจจุบัน MLR อยู่ที่ 5%) โดยกองทุนฯ ต้องจัดให้โรงงานน้ำตาลทุกโรงงานจัดทำหนังสือให้ความยินยอมที่จะปฏิบัติตามระเบียบ และหรือมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายเกี่ยวกับการจัดเก็บเงินรักษาเสถียรภาพเพื่อชำระหนี้ และกรณีการจัดเก็บเงินรายได้ของกองทุนเพื่อชำระดอกเบี้ยเงินกู้และหรือเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาลเพื่อชำระต้นเงินกู้ที่ประสบปัญหาจนส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้ตามแผนกองทุน ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม กองทุนฯ ต้องรีบนำเงินของตนเองจ่ายสมทบชดเชยเพื่อชำระหนี้ให้แก่ ธ.ก.ส.จนครบจำนวน ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยเงินกู้โดยทันที
นายเอ็นนู กล่าวอีกว่า จากมติ ครม.เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2551 ได้เห็นชอบการจัดหาเงินสมทบชดเชยส่วนต่างราคาอ้อยขั้นต้นและขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2549/2550 ให้กองทุนฯ จำนวน 5,277.48 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาดำเนินการจัดหาเงินทุนและตั้งงบประมาณให้กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อให้กองทุนฯ นำไปชำระต้นเงินกู้ปีละ 450 ล้านบาท เป็นเวลา 11 ปี และชำระต้นเงินกู้ส่วนที่เหลือปีที่ 12 โดยให้เริ่มจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 และกองทุนฯ รับภาระในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้ แต่ปรากฏว่าไม่มีสถาบันการเงินใดตอบรับการให้เงินกู้แก่กองทุนฯ
ดังนั้นมติ ครม.เมื่อ 19 พ.ย.2551 ได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้จาก ธ.ก.ส.ให้แก่กองทุนฯ จำนวน 5,277.48 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้กองทุนฯ จะทำสัญญากู้และเบิกรับเงินกู้จาก ธ.ก.ส. เพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ต่อไป