สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผยดัชนี PPI เดือนก.พ.อ่อนตัวลง 4.5% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ร่วงลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แล้ว และยังเป็นตัวเลขที่ดิ่งลงมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี
ทั้งนี้ ดัชนี PPI ที่อ่อนตัวลงทำให้เกิดความเสี่ยงเรื่องเงินฝืดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การลดค่าแรง และยังกระทบต่อความต้องการของผู้บริโภค นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน เองก็กำลังพึ่งพามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.85 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจหลังจากที่ยอดส่งที่ดิ่งลงฉุดการขยายตัวทางเศณษฐกิจของประเทศให้ขยายตัวในระดับที่อ่อนตัวที่สุดในรอบ 7 ปี
หวาง เตา นักเศรษฐศาสตร์ของยูบีเอส เอจี กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยกระตุ้นความต้องการภายในประเทศได้ทันเวลา ความต้องการสินค้าทั่วโลกที่ตกลงจะส่งผลกระทบให้กลุ่มธุรกิจส่งออกขายสินค้ากลับมาในตลาดภายในของจีนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านเงินฝืด
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนปีนี้จะขยายตัว 6.7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ขยายตัวน้อยที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี หลังจากที่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว เศรษฐกิจจีนขยายตัว 6.8% บลูมเบิร์กรายงาน