ผลสำรวจบลูมเบิร์กชี้อัตราว่างงานในสหรัฐส่อเค้าพุ่งแตะ 9.4% ปีนี้ หวั่นกระทบศก.ระยะยาว

ข่าวต่างประเทศ Tuesday March 10, 2009 13:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก บ่งชี้ว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.4% ในปีนี้ และคาดว่าจะพุ่งขึ้นอีกไปจนถึงปีพ.ศ.2553 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวของสหรัฐ

ผลสำรวจครั้งล่าสุดออกมาสูงกว่าผลสำรวจครั้งที่แล้วที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า อัตราว่างงานสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.8% ในปีนี้ และมีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะ 8.1% ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 25 ปี ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรร่วงลง 651,000 ตำแหน่ง โดยอัตราว่างงานเดือนก.พ.ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2526

ไมเคิล เฟโรลี นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า "ถึงแม้ว่าจะมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอาจฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอัตราว่างงานจะลดลงด้วย เราคาดว่าตลาดแรงงานสหรัฐจะตึงตัวในระยะยาวแม้เศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติก็ตาม"

ผลสำรวจของบลูมเบิร์กนับว่าสวนทางกับที่ทำเนียบขาวคาดการณ์ไว้ว่าอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 7.9% ในปีนี้ ซึ่งหมายความว่ามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา อาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้นได้

ก่อนหน้านี้ ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 697,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากปรับลดลง 614,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ผลประกอบการหดตัวลง และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตัวเลขจ้างงานในสหรัฐยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในเร็วๆนี้

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์โพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 2.5% ในปีนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวรุนแรงสุดในรอบ 63 ปี และคาดว่าจะขยายตัว 1.8% ในปีนี้ ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกระทรวพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2551 หดตัวลง 6.2%ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวรุนแรงสุดในรอบ 27 ปี และมากกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้นว่าจะหดตัวเพียง 3.8% เนื่องจากการทรุดตัวลงของยอดส่งออก, ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และการลงทุนในภาคเอกชน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ