กลุ่มเฮดจ์ฟันด์มีแนวโน้มปลดพนักงาน 20,000 คนทั่วโลกในปีนี้ ซึ่งคิดเป็น 14% ของจำนวนพนักงานในกลุ่มธุรกิจดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้กลุ่มกองทุนประสบภาวะขาดทุนเพราะลูกค้าถอนการลงทุนจนทำให้รายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมปรับตัวลดลงตามมา
ออพชั่น กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยในนิวยอร์กคาดการณ์ว่า การปลดพนักงานในครั้งนี้มีจำนวนมากกว่าที่ปลดไป 10,000 คนเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 6.5% ของตำแหน่งงานทั้งหมดในธุรกิจดังกล่าว ขณะที่สินทรัพย์ของลูกค้าตกลง 37% แตะระดับ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับสูงสุดในเดือนมิ.ย. ขณะที่กลุ่มธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ได้ปลดพนักงานกว่า 272,450 ราย หรือ 5.9%
นักวิเคราะห์จาก Higdon Partners LLC กล่าวผ่านทางบลูมเบิร์กว่า "ตัวเลขการจ้างงานร่วงลงอย่างมากและยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย"
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Hedge Fund Research Inc. ระบุว่า ในปีที่ผ่านมามีกองทุนเฮดจ์ฟันด์ประมาณ 920 แห่ง หรือ 12% ของจำนวน 6,800 แห่งต้องปิดตัวลง ขณะที่กองทุนรายอื่นๆที่ยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้ต้องสูญเงินไปถึง 70% ซึ่งเท่ากับว่ากองทุนเหล่านี้ไม่สามารถเก็บค่าธรรมเนียมการดำเนินงานได้ ซึ่งโดยปกติแล้วค่าธรรมเนียมซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 20% ของผลกำไรจากการลงทุนนั้นมาจากเงินสดที่ใช้ในการจ่ายโบนัส
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ ในลอนดอนคาดการณ์ว่า สินทรัพย์ในการดูแลของกองทุนเฮดจ์ฟันด์อาจร่วงลงอีก 2.50 แสนล้านดอลลาร์หรือ 21% ในปีนี้