หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังตรวจสอบสถานะทางการเงินของซิตี้กรุ๊ป ซึ่งอาจมีการใช้แผนรับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ (contingency plan) เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินของซิตี้กรุ๊ป หากพิจารณาแล้วว่าจำเป็น ซึ่งข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากราคาหุ้นของซิตี้กรุ๊ปดิ่งลง 69% ในเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารซิตี้กรุ๊ปยืนยันว่ายังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าลูกค้าของซิตี้กรุ๊ปจะถอนตัวออกจากธุรกิจของซิตี้กรุ๊ป
ราคาหุ้นของซิตี้กรุ๊ปซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 1 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 มี.ค เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่าราคาหุ้นซิตี้กรุ๊ปจะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากธนาคารขาดทุนอย่างหนักในช่วงหลายไตรมาส จนรัฐบาลสหรัฐต้องยื่นมือช่วยเหลือ และทำให้อันดับสถาบันการเงินของโลกที่มีทุนจดทะเบียนสูงสุดของซิตี้กรุ๊ปหล่นลงมาอยู่อันดับที่ 184 ในปัจจุบัน
วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า การตรวจสอบเสถียรภาพทางการเงินของซิตี้กรุ๊ปครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), กระทรวงการคลัง, สำนักงานตรวจสอบบัญชีแห่งชาติสหรัฐ และบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง (FDIC) เข้าร่วมด้วย
กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบความสามารถในการรักษาฐานะทางการเงิน (stress test) ของ 19 ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ภายในประเทศ เพื่อประเมินว่าสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีเงินทุนเพียงพอที่จะรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ ซึ่งสถาบันการเงินดังกล่าวรวมถึง ซิตี้กรุ๊ป, อเมริกัน เอ็กซ์เพรส, แบงค์ ออฟ อเมริกา, โกลด์แมน แซคส์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, มอร์แกน สแตนลีย์ และธนาคารเวลล์ส ฟาร์โก สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน