นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้มีมติเห็นชอบกรอบการเจรจากู้เงินต่างประเทศ วงเงิน 2,000 ล้านดอลลาร์ (70,000 ล้านบาท) ซึ่งแบ่งเป็นการกู้เงินจากธนาคารโลก 1,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเซีย (เอดีบี) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) ของญี่ปุ่น แห่งละ 500 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หลัง ครม.ให้ความเห็นชอบแล้ว รัฐบาลจะได้เตรียมนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อไป
ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กล่าวว่า กระทรวงการคลังคาดว่าจะเสนอกรอบระยะเวลาการดำเนินงานสำหรับการกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 70,000 ล้านบาทให้รัฐสภาพิจารณาได้ภายใน มี.ค.52
หลังจากนั้น กระทรวงการคลังจะเจรจากับแหล่งเงินกู้ต่างๆ โดยมีกรอบระยะเวลาดำเนินงาน โดยเม.ย.52 เสนอให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบกรอบการเจรจากู้เงิน เม.ย.-พ.ค.52 เจรจาสัญญาเงินกู้กับธนาคารโลกและนำกลับมาเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ส่วน พ.ค.-ก.ค.52 จะเป็นการเจรจากู้เงินกับ ADB กับ JICA และนำกลับมาเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
หลังจากนั้น คาดว่า มิ.ย.52 รัฐสภาให้ความเห็นชอบสัญญาเงินกู้จากธนาคารโลก และกระทรวงการคลังลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารโลกได้และจะเริ่มเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารโลกได้ ในเดือน ก.ค.และหลังจากนั้น ส.ค.52 คาดว่ารัฐสภาให้ความเห็นชอบสัญญาเงินกู้กับ ADB และ JICA และกระทรวงการ คลังลงนามในสัญญาเงินกู้กับ ADB และ JICA ได้ หลังจากนั้น ก.ย. 52 จะเริ่มเบิกจ่ายเงินกู้จาก ADB และ JICA