สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า ยอดเกินดุลการค้าเดือนก.พ.ของจีนร่วงลงอย่งหนักเนื่องจากตัวเลขส่งออกทรุดตัวลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลจีนต้องเร่งใช้มาตรการกระตุ้นอัตราการอุปโภคบริโภคภายในประเทศเพื่อพยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากภาวะถดถอย
ยอดเกินดุลการค้าเดือนก.พ.ของจีนร่วงลงแตะระดับ 4.8 พันล้านดอลลาร์ หลังจากยอดส่งออกทรุดตัวลง 25.7% และยอดนำเข้าลดลง 24.1%
หวาง เจี้ยน นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ในฮ่องกงกล่าวว่า ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลจีนได้สกัดกั้นการแข็งค่าของเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และวางแผนที่จะลดภาษีส่งออกให้เหลือ 0% หลังจากดีมานด์สินค้าจีนดิ่งลงอย่างหนักเนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอย ขณะที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า คาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.85 แสนล้านดอลลาร์จะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้ง หลังภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวภายในประเทศส่งผลให้ชาวจีนตกงานหลายล้านคน
"ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่ายอดส่งออกของจีนจะฟื้นตัวขึ้นในเร็วๆนี้ และการที่ยอดนำเข้าจะเพิ่มขึ้นได้เร็วเพียงใดนั้นจะขึ้นอยู่กับว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเห็นผลเร็วเพียงใดด้วย" นายเจี้ยนกล่าว
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดเกินดุลการค้าของจีนในเดือนก.พ.จะอยู่ที่ 2.83 หมื่นล้านดอลลาร์ และคาดว่ายอดส่งออกจะลดลง 1% ยอดนำเข้าจะร่วงลง 22.5%