นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.การบินไทย(THAI)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)วันนี้ ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องการย้ายบริการของ THAI จากสนามบินดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิ โดยรัฐบาลขอกลับไปทบทวนนโยบายการใช้สนามบินเดียว(Single Airport)ให้เกิดความชัดเจนก่อน และยืนยันว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของ THAI แต่จะขอดูแลในภาพรวมเท่านั้น
ทั้งนี้ หลังการหารือครั้งนี้แล้วทางตัวแทนสหภาพฯ จะได้นำกลับหารือกับสมาชิกอีกครั้ง ก่อนนำผลการหารือไปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร THAI ต่อไป
นางแจ่มศรี ยังได้เรียกร้องให้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในฐานะที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น THAI ดำเนินนโยบายเพื่อให้ THAI สามารถแข่งขันในเชิงพาณิชย์ กับสายการบินอื่นๆ ได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ได้พิจารณาปัญหาการย้ายบริการ THAI ไปสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว และให้อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของ THAI แต่ที่ประชุม ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการตัดสินใจของบริษัท ที่จะย้ายบริการไปสนามบินสุวรรณภูมิ ในที่ 29 มี.ค.นี้ ใน 3 ประเด็น คือ การตัดสินใจครั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบาย Single Airport ขณะที่ THAI อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างการบริหาร ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารในเดือน เม.ย. ดังนั้น ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจเห็นว่าควรให้ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาตัดสินใจในเรื่องนี้เพื่อความเหมาะสม และสุดท้าย THAI ยอมรับว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ฝืนความต้องการของผู้โดยสารคนไทย ดังนั้นเห็นว่าการดำเนินธุรกิจควรคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
"ฝ่ายบริหาร THAI ตัดสินไปแล้ว แต่เราเห็นว่าเป็นการตัดสินใจโดยที่ไม่อิงกับนโยบายข้างหน้า ในเรื่องสนามบินเดียว" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม กลับไปพิจารณาทบทวน รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบาย Single Airport ให้ชัดเจน ทั้งในส่วนของผลกระทบ ข้อดี ข้อเสียระหว่างการให้บริการแบบ Single Airport และ Dual Airport ในประเด็นต่างๆ เช่น ยุทธศาสตร์การพัฒนาท่าอากาศยาน บทบาทของท่าอากาศยาน ความคุ้มค่า การลงทุนในอนาคต และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น และนำข้อสรุปกลับมาเสนอ ครม.เศรษฐกิจอีก 2 สัปดาห์
ส่วนการที่ ครม.เศรษฐกิจ วันนี้ ไม่สามารถลงมติเกี่ยวกับการย้ายบริการ THAI ไปสนามบินสุวรรณภูมิได้นั้น ไม่ได้กังวลว่าจะเป็นปัญหาทางการเมือง แต่ให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัท โดยที่รัฐบาลไม่สามารถไม่เกี่ยวข้องหรือชี้นำได้ เพียงแต่การตัดสินใจของบริษัท ควรคำนึงตามข้อสังเกตจาก ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจเท่านั้น