แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะทำงานพิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน จะประชุมเพื่อพิจารณาการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตสินค้าประเภท Sin Tax รวมถึงการปรับขึ้นภาษีเครื่องดื่มชาและกาแฟ ตามนโยบายของ นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ในวันศุกร์ที่ 13 มี.ค. นี้
สำหรับสินค้าเครื่องดื่มชาและกาแฟนั้น จัดอยู่ในหมวดเครื่องดื่มประเภท น้ำผักผลไม้ ซึ่งปัจจุบัน มีเพดานอัตราภาษี 20% ตามมูลค่า หรือ คิดตามปริมาณ 0.37 บาท/440 ซีซี แต่ขณะนี้จัดอยู่ใน 109 ประเภทสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้น หากจะมีการจัดเก็บภาษี ก็เพียงออกประกาศอธิบดียกเลิกจากการเป็นสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีเท่านั้น ก็สามารถดำเนินการเก็บภาษีได้ทันที โดยไม่ต้องนำเรื่องเสนอ ครม.พิจารณา
อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีชาและกาแฟจะจัดเก็บจากสินค้าสำเร็จรูปที่บรรจุกระป๋องหรือกล่อง ซึ่งหากเก็บภาษีเต็มเพดาน อาจจะทำให้ราคาเครื่องดื่มชาและกาแฟสำเร็จ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-3 บาท/กระป๋อง หรือ กล่อง ขณะที่รัฐบาลจะมีรายได้ภาษีเพิ่มขึ้น 1,000-2,000 บาท/ปี ส่วนผู้ประกอบการร้านค้าย่อยที่มีทำเป็นร้านขายกาแฟสดจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีดังกล่าว
แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวอีกว่า ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต โดยการขึ้นภาษี Sin Tax ประเภทเหล้าและบุหรี่ เห็นว่าปัจจุบัน นโยบายของรัฐบาลยังมีความขัดแย้งกันในเรื่องของความต้องการให้มีการลดการบริโภคสินค้าทำลายสุขภาพ แต่อีกด้านรัฐบาลยังมีความจำเป็นที่ต้องมีเงินรายได้ภาษีเข้ามาเป็นงบประมาณใช้จ่าย ดังนั้น ยังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ส่วนแนวทางการขยายฐานภาษี กระทรวงการคลัง เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ยังไม่เหมาะสมที่รัฐบาลจะพิจารณาขยายฐานภาษีใหม่ ๆ เพราะจะเป็นการสร้างภาระให้ประชาชนและผู้ประกอบการ และภาษีบางประเภทอาจไม่ได้สร้างรายได้ให้รัฐบาลมาก แต่เป็นการขยายฐานภาษีเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากกว่า
"หากต้องการให้มีการจัดเก็บภาษีต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ เห็นว่าประเภทภาษีควรจะมีน้อยประเภท เหมือนที่ต่างประเทศดำเนินการ" แหล่งข่าว กล่าว