สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากจีนและญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากภาวะการซื้อขายที่ผันผวนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 910.70 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 14.80 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 892.60-913.80 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 12.800 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 26.00 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินั่มเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,057.20 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 13.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือนมิ.ย.ปิดที่ 199.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.00 ดอลลาร์
สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ธนาคารกลางในยุโรปขายทองคำไปแล้วทั้งสิ้น 80 ตัน ซึ่งต่ำกว่าระดับที่อนุญาตให้ขายได้ในแต่ละปี 500 ตัน
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก หลังจากจีนและญี่ปุ่นเปิดเผยยอดเกินดุลการค้าที่ร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่เกิดขึ้นในจีนและญี่ปุ่นอาจส่งผลกระทบต่อสหรัฐด้วย
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า ยอดเกินดุลการค้าเดือนก.พ.ของจีนร่วงลงแตะระดับ 4.8 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากตัวเลขส่งออกทรุดตัวลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ 25.7% ขณะที่กระทรวงคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าในเดือนม.ค.พุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.526 แสนล้านเยน (9.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และเป็นตัวเลขขาดดุลการค้าที่สูงสุดนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มเก็บข้อมูลในปี 2522