คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เตรียมเก็บเงินที่ได้จากการจำหน่ายน้ำมันเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไปแม้ใช้หนี้เก่าหมดแล้ว เพื่อสำรองไว้ใช้ชดเชยราคาน้ำมันในช่วงปลายปีที่อาจปรับตัวสูงขึ้น
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ดังนั้นกระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาที่จะจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มอีกในกลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และดีเซล เพื่อลดลดภาระต้นทุนของกองทุนน้ำมันฯ ลงอีก
ขณะที่นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานแห่งชาติ(สนพ.)เปิดเผยว่า กบง.มีแนวคิดที่จะเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มเติมอีก หลังจากใช้หนี้เดิมหมดในเร็วๆ นี้ เพื่อพยุงราคาขายปลีกน้ำมันไม่ให้อยู่ในระดับต่ำเกินไป เพราะจะทำให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย รวมทั้งสำรองเงินไว้เผื่อราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี
ปัจจุบันเหลือการนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลอีก 18 สตางค์/ลิตร และแก๊สโซฮอล์อีก 78 สตางค์/ลิตร ซึ่งคาดว่าจะประกาศเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มอีกเพียง 1 ครั้งก็จะสามารถชำระหนี้ได้หมด
ผู้อำนวยการ สนพ.กล่าวว่า ปีนี้คาดการณ์การใช้พลังงานของไทยจะเติบโตชะลอตัวลงเหลือ 1-2% ตามภาวะเศรษฐกิจ จากปกติการใช้พลังงานจะเติบโตปีละ 7-8%
ด้านนายสุรงค์ บูลกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บมจ.ปตท.(PTT)คาดว่า การประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเพื่อส่งออก(โอเปค)ในวันที่ 15 มี.ค.นี้จะไม่ลดกำลังการผลิตลง แต่น่าจะร้องขอให้ประเทศสมาชิกผลิตน้ำมันตามโควต้าที่ตกลงกันไว้ จากก่อนหน้านี้ที่แต่ละประเทศผลิตเกินโควต้ามาโดยตลอด ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกเพียงช่วงสั้นๆ
นายสุรงค์ คาดว่า ปีนี้ระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะทรงตัวอยู่ที่ 45-50 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามความต้องการใช้ที่ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งยังเป็นระดับเหมาะสมที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะอยู่ได้ และเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ราคาน้ำมันจะขึ้นไปแตะระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลตามที่คาดหวัง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี