ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ปรับตัวลดลงในเดือนม.ค.เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบหลาย 10 ปี
สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างการเปิดเผยจากสำนักงานสถิติสิงคโปร์ว่า ยอดค้าปลีกในเดือนม.ค.ปรับตัวลดลง 12% จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งรุนแรงกว่าเดือนธ.ค.ที่ลดลง 1.6% และเมื่อเทียบจากเดือนที่แล้วยอดค้าปลีกปรับตัวลง 8.3% เพราะผู้บริโภคชาวสิงคโปร์ได้ลดการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย
โดยยอดขายยานยนต์ตกลง 32% ในเดือนม.ค. ขณะที่ยอดขายนาฬิกาและเครื่องประดับอัญมณีลดลง 20% ส่วนเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้านร่วงลง 19% อย่างไรก็ตาม ยอดขายในซูเปอร์มาร์เกตเพิ่มขึ้น 20% และยอดขายในห้างสรรพสินค้าไต่ระดับขึ้น 13% ในเดือนม.ค.
ขณะเดียวกันตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ร่วงลงตามการเปลี่ยนแปลงของช่วงเวลาถึง 16.4% ในช่วงไตรมาส 4 จากไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับการทรุดตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 1965 จากผลกระทบของอุปสงค์ที่ซบเซาในสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น จนสร้างความเสียหายต่อภาคการส่งออกของประเทศ
รัฐบาลคาดว่า เศรษฐกิจในปีนี้จะหดตัวลงระหว่าง 2-5% แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศใช้แผนกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศเป็นมูลค่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนม.ค. ไปแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ รัฐบาลเปิดเผยเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า ยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลดลงเป็นอีกหนึ่งสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจของสิงคโปร์ที่หดตัวลงในไตรมาสแรก ขณะที่การส่งออกซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 2 ใน 3 ของจีดีพีนั้นดิ่งลง 35% ในเดือนม.ค.