บรรดาผู้นำจากประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่กำลังทุ่มเทความพยายามเพื่อยกเครื่องระบบการเงินทั่วโลก ขณะที่ภาคธนาคารยังคงเผชิญวิกฤตและภาวะเศรษฐกิจกำลังถดถอยลงเรื่อยๆ
ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ รวมถึงรัฐมนตรีคลังจากกลุ่มประเทศสมาชิก G-20 ได้เข้าประชุมกันในวันนี้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไร้เสถียรภาพต่อเนื่องจนกดดันให้ที่ประชุมเปลี่ยนประเด็นเป็นการหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาหนี้เสียภาคธนาคาร จากเดิมที่มีเป้าหมายผลักดันมาตรการกำกับดูแลตลาดให้รัดกุม
นูเรล รอบินิ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กกล่าวผ่านทางบลูมเบิร์กว่า "สภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้เหมือนผู้ป่วยที่ต้องรีบส่งเข้าห้องฉุกเฉิน และนี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาให้คำแนะนำถึงข้อดีในการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง แต่ต้องทำให้ประเทศที่กำลังเจ็บป่วยจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมั่นใจได้ว่าจะมีชีวิตรอดต่อไป"
กระแสคาดการณ์เศรษฐกิจโลกที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ และมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจที่ประสบความล้มเหลวอาจสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ขณะที่บรรดาผู้นำจากที่ประชุม G-20 กำลังเตรียมเข้าร่วมประชุมสุดยอดใน 3 สัปดาห์หน้า ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าทั่วโลกเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งแรกในรอบ 6 ปี และนักลงทุนในตลาดหุ้นมีเงินในกระเป๋าน้อยกว่าไตรมาสก่อนหน้านี้ 3 ล้านล้านดอลลาร์
เรนเดล ควอเลส อดีตปลัดกระทรวงคลังสหรัฐซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผอ.ประจำบริษัท Carlyle Group ในวอชิงตันกล่าวว่า ชาติยุโรปต้องการใช้ที่ประชุมนี้เป็นเวทีหารือถึงความร่วมมือเพื่อกำหนดกรอบข้อตกลงในระดับสากล ขณะที่สหรัฐให้ความสนใจถึงความร่วมมือในการต่อสู้กับวิกฤตการเงินมากกว่า