แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เตรียมอนุมัติโครงการในเร็วๆ นี้ หลังจากได้รายงานหลักเกณฑ์ต่อคณะรัฐมนตรี ตลอดจนอนุมัติขั้นตอน วิธีการ และอัตราค่าใช้จ่ายตามโครงการสำหรับหลักสูตรและกรอบวงเงินงบประมาณให้สถาบันจัดฝึกอบรมเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าฝึกอบรมประมาณ 5 แสนคน ขณะที่หลักสูตรการอบรมผู้ว่างงานรุ่นแรกจะเริ่มต้นได้เดือน เม.ย.นี้ โดยมีงบประมาณเพื่อใช้สำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าว 6,900 ล้านบาท
สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดฝึกอบรม ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมไม่เกิน 5,000 บาท/คน/เดือนโดยเฉลี่ย ซึ่งเป็นอัตราสูงสุด กำหนดจ่ายให้สถาบันจัดฝึกอบรม เช่น ส่วนราชการ สถาบันการศึกษามหาวิทยาลัย และในส่วนภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ภาคประชาสังคม, มูลนิธิ, สมาคม ซึ่งเสนอโครงการผ่านส่วนราชการ เป็นต้น เพื่อเป็นค่าวิทยากร, ค่าวัสดุอุปกรณ์, ค่าสาธารณูปโภค, ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา, ค่าอาหารกลางวัน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ค่าเบี้ยเลี้ยงระหว่างการอบรม 4,800 บาท/คน/เดือน โดยเฉลี่ยจ่ายตามวันที่เข้าอบรมจริง จำนวน 160 บาท/คน/วัน โดยผู้เข้าอบรมแต่ละคนต้องแสดงหลักฐานการรับเงินรายบุคคล, ค่าพาหนะเดินทางเหมาจ่ายระหว่างการอบรม 720 บาท/คน/เดือน จ่ายตามวันที่เข้าอบรมจริง จำนวน 30 บาท/คน/วัน โดยผู้เข้าอบรมแต่ละคนต้องแสดงหลักฐานการรับเงินรายบุคคล
ค่าพาหนะเดินทางที่ฝึกอบรม เหมาจ่ายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยระยะทาง 1-500 กม.เหมาจ่าย 500 บาท, 501-1,000 กม. เหมาจ่าย 1,000 บาท และ 1,001 กม.ขึ้นไป เหมาจ่าย 1,500 บาท โดยผู้เข้าอบรมแต่ละคนต้องแสดงหลักฐานการรับเงินรายบุคคล กรณีที่สถาบันจัดฝึกอบรม เมื่อได้รับเงินค่าใข้จ่ายในการฝึกอบรมจำนวน 5,000 บาท/คน/เดือน ต้องปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ เว้นแต่ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ และค่าเดินทางสำหรับผู้เข้ารับการอบรมให้ถือปฏิบัติตามที่คณะกรรมการบริหารฯกำหนด
แหล่งข่าว กล่าวว่า งบประมาณในโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานฯ จะสามารถเบิกจ่ายได้ช่วงปลายเดือน มี.ค.52 โดยโครงการนี้จะเน้นช่วยเหลือผู้ว่างงาน 3 กลุ่ม คือ ผู้ว่างงานที่สนใจฝึกอบรมวิชาชีพแล้วกลับไปทำงานในท้องถิ่น, ผู้ถูกเลิกจ้างงานภาคอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มพูนทักษะและยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงาน และกลุ่มบัณฑิตใหม่ที่ยังไม่ได้งานทำ