กระทรวงพาณิชย์จีนเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเดือนก.พ.ร่วงลง 15.8% เหลือ 5.83 พันล้านดอลลาร์ นับเป็นสถิติที่อ่อนตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แล้ว เนื่องจากบริษัทต่างๆพากันลดยอดการใช้จ่ายเพื่อรับมือกับวิกฤตการเงินในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเดือนม.ค.ลดลง 32.6%
บริษัท เนชั่นแนล เซมิคอนดัคเตอร์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปแจ้งว่า บริษัทจะปิดโรงงานในจีนและรัฐเท็กซัส รวมทั้งลดพนักงานวก่า 1,700 คน เพื่อลดต้นทุนหลังจากที่ยอดขายของบริษัทร่วงลง ขณะที่รัฐบาลจีนเองซึ่งพึ่งพาการปล่อยกู้ภายในประเทศ และการลงทุนเพื่อฟื้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
บลูมเบิร์กรายงานว่า ไดวเฟอร์ อีแวนส์ นักวิเคราะห์ของสเตท สตรีท โกลบอล มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในตลาดเกิดใหม่นั้นเป็นหนึ่งในธุรกิจที่หดตัวลงในช่วงเศรษฐกิจโลกถดถอย
รัฐบาลจีนเองก็ออกมาประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะปรับปรุงขั้นตอนการอนุมัติการขอลงทุนจากต่างประเทศ ด้วยการเปิดทางให้หน่วยงานรัฐในระดับท้องถิ่นมีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น
ทั้งนี้ UNCTAD รายงานว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั่วโลกร่วงลง 21% เมื่อปี 2551 เหลือ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากตลาดสินเชื่อที่ตึงตัว เศรษฐกิจโลกถดถอย และตัวเลขกำไรที่ร่วงลง และมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงมากกว่าเดิมในปีนี้ ส่วนประเทศกำลังพัฒนานั้น ยอดการลงทุนขยายตัวขึ้น 3.6% เมื่อปีที่แล้ว ส่วนจีนมียอดการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 23.6% แตะ 9.24 หมื่นล้านดอลลาร์