ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐเตรียมประกาศมาตรการจัดสรรเงินกู้จำนวน 375 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงแผนการช่วยเพิ่มวงเงินค้ำประกันและลดค่าธรรมเนียมเงินกู้เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของสินเชื่อให้มีสภาพคล่องมากยิ่งขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดว่า ประธานาธิบดีโอบามาและนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐจะประกาศแผนกระตุ้นการออกสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจขนาดเล็กเป็นวงเงิน 375 ล้านดอลลาร์ในวันพรุ่งนี้ โดยเม็ดเงินดังกล่าวจะมาจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7.87 แสนล้านดอลลาร์ที่ผ่านมาความเห็นชอบจากสภาคองเกรสไปเมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ โอบามาจะประกาศถึงแผนการใช้จ่ายเงินกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อคลี่คลายวิกฤตสินเชื่อในตลาดรอง และเพิ่มสภาพคล่องในระบบการธนาคาร ขณะที่คณะทำงานของโอบามากำลังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสภาคองเกรสว่า มาตรการกระตุ้นภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นจะเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มธุรกิจธนาคารมากกว่าที่จะช่วยเหลือผู้บริโภคหรือบริษัทอื่นๆที่อยู่นอกเหนือจากกลุ่มสถาบันการเงิน
คริสติน่า โรเมอร์ หัวหน้าที่ปรึกษาสภาเศรษฐกิจของนายโอบามากล่าวว่า "เรารู้ดีว่าธุรกิจขนาดเล็กเป็นกลไกขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ดังนั้นเราจึงอยากช่วยเหลือธุรกิจเหล่านี้เท่าที่เราจะทำได้"
ภายใต้มาตรการฉบับใหม่นี้ ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กจะรับวงเงินค้ำประกันเงินกู้สูงสุดถึง 90% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 85% สำหรับวงเงินกู้ต่ำกว่า 150,000 ดอลลาร์ และระดับ 75% สำหรับเงินกู้สูงกว่า 150,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้ หลายฝ่ายคาดว่า ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในไตรมาสนี้จะหดตัวลงหลังจากที่ดิ่งลง 6.2% ต่อปีในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2551 ซึ่งทำสถิติติดลบหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2525 ขณะที่อัตราว่างงานในเดือนที่แล้วไต่ระดับขึ้นแตะที่ 8.1% เนื่องจากนายจ้างในสหรัฐประกาศปลดพนักงานไป 651,000 ตำแหน่ง