จีนประกาศใช้มาตรการอำนวยความสะดวกให้บริษัทจีนสามารถลงทุนในต่างประเทศได้ง่ายยิ่งขึ้น ในยามที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และมูลค่าหุ้นปรับตัวลดลงจนช่วยกระตุ้นให้มีการเข้าลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไปจนถึงพลังงาน
เหยา เจียน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า การอนุมัติการลงทุนจะถูกลดขั้นตอนให้ง่ายยิ่งขึ้น โดย 85% ของบริษัทที่ยื่นเรื่องลงทุนในต่างประเทศจะถูกถ่ายโอนมาอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ของจีนในอนาคต หลังจากที่ก่อนหน้านี้ขั้นตอนต่างๆจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลางเท่านั้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา จีนได้ประกาศมาตรการใช้จ่ายเงินลงทุนในต่างประเทศ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในบริษัทริโอ ทินโตกรุ๊ป บริษัทเหมืองรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกเป็นเงิน 1.95 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งจะทำให้จีนมีเม็ดเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นครั้งแรกในปีนี้
สตีเฟ่น กรีน นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ในเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า "นโยบายกระตุ้นการลงทุนในต่างประเทศจะช่วยเปิดทางให้บริษัทสัญชาติจีนขยายธุรกิจในต่างแดนได้มากขึ้น ซึ่งเราเชื่อว่าในปีนี้จะเป็นปีที่บรรยากาศการลงทุนคึกคักขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย"
ด้านกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ในปี 2551 มูลค่าการลงทุนต่างประเทศของบริษัทจีนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.22 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการเงิน และเฉพาะในเดือนก.พ.ของปีนี้ จีนมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ จากสถานการณ์เงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำลง และความจำเป็นของบริษัทต่างชาติที่ต้องชำระหนี้ล้วนเปิดโอกาสให้บริษัทจีนสามารถลุกขึ้นมาลงทุนในต่างประเทศได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอานิสงส์จากการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นจะช่วยปรับตัวเลขดุลบัญชีการชำระเงินของจีนให้อยู่ในภาวะสมดุล ในยามที่จีนมียอดเกินดุลการค้าเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ยอดเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศในจีนเมื่อเดือนก.พ.ปรับตัวลดลง 15.8% ซึ่งทำสถิติลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เนื่องจากบริษัทหลายแห่งปรับลดตัวเลขการใช้จ่ายท่ามกลางวิกฤตการเงินทั่วโลก