นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การลงนามในบันทึกความเข้าใจ(MOU) ระหว่างสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับกับสถาบันการเงิน 3 แห่ง คือ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.), ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ถือเป็นความร่วมมือเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่การส่งออกสินค้าดังกล่าว
เนื่องจากในปัจจุบันผู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับมีปัญหาไม่กล้ารับคำสั่งซื้อ เพราะไม่แน่ใจว่าผู้ซื้อในต่างประเทศจะชำระค่าสินค้าหรือไม่ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการมีความเสี่ยงในการทำธุรกิจมากขึ้นในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือให้ธนาคารทั้ง 3 แห่ง ช่วยค้ำประกันการส่งออกเพื่อป้องกันความเสี่ยงให้กับผู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ
"การส่งออกอัญมณียังมีอนาคตส่งออกที่ดี ดูได้จากงานแสดงสินค้า บางกอกเจมส์ เมื่อปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมามียอดสั่งซื้อสูงถึง 24,000 ล้านบาท แต่ตอนนี้ผู้ส่งออกไม่กล้ารับออร์เดอร์ เพราะกลัวว่าผู้ซื้อในต่างประเทศจะไม่ยอมจ่ายเงินค่าสินค้าให้ เพราะปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้" รมว.พาณิชย์ ระบุ
นายวิชัย อัศรัสกร นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ กล่าวว่า การส่งออกอัญมณีมีสัญญาณส่งออกที่ดีขึ้นจากยอดคำสั่งซื้อในงานบางกอกเจมส์ที่พบว่ากลุ่มผู้ซื้อเป็นกลุ่มใหม่จากตลาดใหม่ที่สนใจสินค้าไทยและมีคำสั่งซื้อจริง ได้แก่ จีน และอินเดีย ทำให้ภาพรวมการส่งออกอัญมณียังสดใส
การสร้างความมั่นใจให้ผู้ส่งออกผ่านการค้ำประกันการส่งออกจาก 3 สถาบันการเงินในครั้งนี้ จะทำให้การส่งออกอัญมณีมีการขยายตัวดีตามโอกาสที่เกิดขึ้น และผู้ส่งออกจะไม่ทิ้งออร์เดอร์แน่นอน
"สมาคมได้ขอความช่วยเหลือจากรัฐสำหรับการค้ำประกันส่งออกวงเงิน 3,000 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขพิเศษ เช่น ลดค่าธรรมเนียม ลดขั้นตอนและเวลาพิจารณาการขอค้ำประกัน การให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่มีวงเงินค้ำประกันไม่เกิน 1,500 ดอลลาร์ต่อการซื้อขายหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ยังขอวงเงินสินเชื่อในอุตสาหกรรมอัญมณีอีก 10,000 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาล คาดว่าจะได้รับคำตอบเร็วๆ นี้" นายวิชัย กล่าว
ปัจจุบัน ธพว.มีวงเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการ 26,000 ล้านบาท และ บสย.มีวงเงินเพื่อดูแลผู้ประกอบการในปี 52 จำนวน 3,000 ล้านบาท โดยเม็ดเงินทั้งหมดกำหนดเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม