นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด เดือน ก.พ. 52 รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณจำนวน 99,279 ล้านบาท จากการที่รัฐบาล มีรายได้นำส่งคลัง 80,400 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 27,809 ล้านบาท คิดเป็น 25.7% แต่รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 179,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 61,021 ล้านบาท คิดเป็น 51.4%
และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 50,856 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากการได้รับชดใช้เงินคงคลังจำนวน 27,540 ล้านบาท การออกตั๋วเงินคลังสุทธิจำนวน 9,000 ล้านบาท และได้รับรายได้ส่วนเกินจากการออกพันธบัตรจำนวน 2,445 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดจำนวน 48,423 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลด้วยการกู้เงินโดยออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลัง จำนวน 69,530 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสดหลังกู้ชดเชยการขาดดุลเกินดุลจำนวน 21,107 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่งผลให้ฐานะการคลังในช่วง 5 เดือนแรกปีงบประมาณ 52 (ต.ค.51-ก.พ.52) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 452,348 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 82,502 ล้านบาท คิดเป็น 15.4% ขณะที่รายจ่ายรัฐบาล มีการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 776,437 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 106,103 ล้านบาท คิดเป็น 15.8% ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณ 324,089 ล้านบาท
และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุลจำนวน 24,603 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการได้รับชดใช้เงินคงคลังจำนวน 27,540 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดของรัฐบาลขาดดุล 299,486 ล้านบาท แต่รัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลังจำนวน 128,530 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 170,956 ล้านบาท ซึ่งเป็นการบริหารเงินสดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงิน รวมทั้งเพื่อเป็นการประหยัดภาระดอกเบี้ย