มาสด้า มอเตอร์ คอร์ป บริษัทผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของญี่ปุ่น เตรียมยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล หลังถูกหั่นอันดับเครดิตลงมาอยู่ในระดับต่ำที่สุดเป็นอันดับสองในบรรดาค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ขณะที่ต้องรับภาระผ่อนเงินกู้ระยะสั้นที่พุ่งขึ้น 62% ในปีนี้
"บริษัทไม่สามารถขายหุ้นกู้ได้ในตอนนี้" โนบุโยชิ โทชิโอะ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการทางการเงินของมาสด้ากล่าว "ตลาดยังอยู่ในภาวะที่ไม่ปกติ ประกอบกับสถานการณ์ต่างๆก็เลวร้ายอย่างมาก"
โดยมาสด้าได้ใช้จ่ายเงินสด 1.74 แสนล้านเยน (1.8 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาสล่าสุด เนื่องจากยอดขายรถซีดานในสหรัฐและยุโรปดิ่งลง ซึ่งทำให้บริษัทอาจต้องกลับมาขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลให้ออกเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
โคอิชิ โอกาวะ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ Daiwa SB Investments Ltd.ในโตเกียวกล่าวผ่านทางบลูมเบิร์กว่า "มาสด้าจำเป็นต้องขอเงินกู้จากรัฐบาล เพราะความเป็นอยู่ของบริษัทมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในญี่ปุ่น ดังนั้นบริษัทควรได้รับความช่วยเหลือตามที่ร้องขอไป"
ทั้งนี้ ยอดเงินกู้ระยะสั้นของมาสด้าช่วง 9 เดือนที่สิ้นสุด ณ เดือนธ.ค.2551 พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.21 แสนล้านเยน โดยบริษัทคาดว่าในปีนี้บริษัทอาจขาดทุน 1.3 หมื่นล้านเยน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขาดทุนในปีหน้าจะสูงกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้เกือบ 3 เท่าที่ระดับ 3.75 หมื่นล้านเยน
จากอัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นและภาวะตลาดสินเชื่อตึงตัวได้ส่งผลให้อุปสงค์รถยนต์โดยรวมในสหรัฐ ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี ซึ่งในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายของมาสด้าในสหรัฐร่วงลง 29% และยอดขายในยุโรปตกลง 16% ส่วนยอดขายในญี่ปุ่นรูดลง 38% ทำให้ริษัทต้องปรับลดกำลังการผลิตลงอย่างน้อย 221,000 คันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน