นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เผยเรียกหารือทีมเศรษฐกิจเช้านี้ประเมินสถานการณ์เพื่อเตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิของโลกอาจจะชะลอตัวลงยาวนานกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ ไทยจึงจำเป็นต้องวางแผนระยะยาวในการฟื้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจะเสนอกรอบงบลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่อีก 1.4 ล้านล้านบาทเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้า
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวต้องมีความชัดเจนในการนำไปใช้ โดยเบื้องต้นได้วางไว้ 4 ด้านหลักคือ กระทรวงคมนาคม ทั้งเรื่องเส้นทางคมนาคมและรถไฟฟ้า, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องการพัฒนาทรัพยากรน้ำ, กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข
"สถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้จำเป็นต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า เนื่องจากห่วงการลงทุนของต่างประเทศ และการส่งออกว่าจะมีปัญหายืดเยื้อ แต่อย่างไรก็ดีขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวที่จากเดิมคาดว่าจะชะลอตัวลง 20% นั้น ตอนนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ล่าสุดยอดนักท่องเที่ยวลดลงเพียง 11% เท่านั้น ซึ่งเป็นสัญญาณให้เห็นว่าการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นขึ้นแล้ว"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 52 ที่คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าประมาณ 1 แสนล้านบาทนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ล่าสุด คาดว่าอาจจะพลาดเป้าหมายไปมากกว่า 1.5 แสนล้านบาทก็เป็นได้ ซึ่งต้องมาประเมินกันอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังดูแลเรื่องการจัดเก็บรายได้ทั้งในส่วนของเดิมให้สามารถจัดเก็บรายได้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และขยายการจัดเก็บรายได้จากแหล่งใหม่ เช่น Sin Tax, ภาษีที่ดิน, ภาษีมรดก เป็นต้น
รวมทั้งให้กระทรวงการคลังไปศึกษาการขยายเพดานกรอบหนี้สาธารณะด้วยว่าจะมีแนวทางอย่างไร เพื่อเตรียมความพร้อมหากมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มเติม แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะรักษาวินัยการเงินการคลัง โดยจะไม่มีการแก้ไข พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ซึ่งทุกอย่างยังต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล