ประธานบริษัทและหัวหน้าบรรณาธิการนิตยสาร Frobes แสดงความสนใจที่จะเข้ามาจัดการประชุม Frobes CEO Forum ในไทย เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของประเทศและวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี โดยบริษัทฯ จัดประชุมดังกล่าวขึ้นทุกปีในประเทศต่างๆ
"ประธาน Frobes แสดงความสนใจที่จะมาจัดการประชุมนี้ขึ้นในประเทศไทยในอนาคต เพราะเห็นศักยภาพของไทยและวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีระหว่างการเดินทางมาเยือนไทยในครั้งนี้" เว็บไซต์ของสำนักโฆษก แถลงถึงนาย Steve Forbes ประธานบริษัทและหัวหน้าบรรณาธิการนิตยสาร Forbes ที่เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้
ทั้งนี้ การสนทนาของทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิกฤตการเงินโลกและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออก และเป็นที่มาของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งในระยะสั้นเพื่อให้เกิดผลที่เร็วที่สุดในการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ ควบคู่กับมาตรการเศรษฐกิจในระยะกลางที่เน้นสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยในระยะยาวรัฐบาลจะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และยังคงให้ความสำคัญด้านพลังงานทางเลือก
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2540 ซึ่งส่งผลให้สถานะทางการเงินและการดำเนินงานของสถาบันทางการเงินไทยยังมีความแข็งแรงแม้ปัจจุบันจะเกิดวิกฤตทางการเงินโลกก็ตาม โดยทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นและการเข้าร่วมประชุม London Summit ของนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งนาย Forbes เชื่อว่า ผลการประชุมน่าจะทำให้โลกมีทิศทางการดำเนินการที่ชัดเจนขึ้น
นาย Forbes ได้สอบถามเกี่ยวกับการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุนธุรกิจที่มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยในระยะกลางและระยะยาวรัฐบาลให้ความสำคัญกับสาขาเกษตรกรรมทั้งในแง่ของการผลิตอาหารและเป็นพลังงานทางเลือก ภาคการบริการ และการนำนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงวัฒนธรรมที่มีอยู่ในประเทศมาใช้ในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ(creative economy)
นอกจากนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับระบบภาษีในไทยและสหรัฐ เนื่องจากนาย Forbes มีความสนใจการเก็บภาษีในอัตราคงที่(flat tax) และเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความพยายามของรัฐบาลในการปฏิรูประบบภาษีและขณะนี้รัฐบาลได้ปรับระบบการจัดเก็บภาษีในประเทศไทยให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนต่างชาติอีกทางหนึ่งด้วย