นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25% ในการประชุม 2 วันซึ่งจะสิ้นสุดลงในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) และคาดว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะชี้ชัดว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงถดถอยรุนแรง และจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องการรับมือกับวิกฤตการณ์ดังกล่าว
อีธาน แฮร์ริส นักวิเคราะห์ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจจากบาร์เคลย์ส แคปิตอล คาดว่า คณะกรรมการเฟดจะอภิปรายแนวทางการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการเข้าซื้อตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) และหลักทรัพย์ประเภทอื่นๆ หลังจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดจ้างงานสหรัฐหดตัวลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนเมื่อเดือนม.ค.
"คณะกรรมการมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันมาก ซึ่งถือเป็นบรรยากาศทางจิตวิทยา โดยนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดเป็นนักปฏิบัติที่จริงจังต่อการทำงานเป็นรูปธรรม เพราะเขามีความเชื่อในเรื่องการปฏิบัติและการใช้นโยบายเชิงรุก ขณะคณะกรรมการคนอื่นๆมองว่าควรดำเนินนโยบายในกรอบที่จำกัด เพื่อให้กระทบตลาดเสรีให้น้อยที่สุด" แฮร์ริสกล่าว
นอกจากนี้ คาดว่าคณะกรรมการเฟดจะระบุถึงความเสี่ยงที่คุกคามเศรษฐกิจ หลังจากตัวเลขว่างงานเดือนก.พ.ในสหรัฐพุ่งขึ้น 651,000 ตำแหน่ง ซึ่งทำให้ตัวเลขว่างงานโดยรวมพุ่งเป็น 4.4 ล้านตำแหน่งในคณะนี้
เฟดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวประมาณ 0.5-1.3% ในปีนี้ มากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวเพียง 0.2-1.1% โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวตลอดทั้งปี 2552 ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวทั้งปีเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 8.5-8.8% สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7.1-7.6%
นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่า ราคาบ้านในสหรัฐจะร่วงลงอีกในปีนี้ และยังไม่มีสัญญาณว่าจะฟื้นตัวขึ้นในเร็วๆนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อบริษัทสร้างบ้านและภาพรวมในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฟดคาดว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างจะหดตัวไปจนถึงช่วงปลายปีนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน