นางสาวอริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยช่วงต้นปี 52 พบว่าการออกตราสารหนี้ใหม่มีมูลค่า 2.403 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 33% โดยตราสารหนี้เกือบทุกประเภท เป็นการออกตราสารหนี้ใหม่ ยกเว้นพันธบัตรรัฐวิสาหกิจและตราสารหนี้ระยะสั้นภาคเอกชนที่มีปริมาณการออกลดลง ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน มีอัตราการออกตราสารหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุด
ช่วงไตรมาส 1/52 ภาคเอกชนระดมทุนโดยการออกหุ้นกู้มากถึง 73,500 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 9,740 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่าตัว โดยกลุ่มธุรกิจที่มีการออกหุ้นกู้สูงที่สุด ได้แก่ กลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์
"ช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลงถือเป็นช่วงโอกาสเหมาะที่ภาคเอกชนจะระดมทุนโดยการออกหุ้นกู้ เพราะมีต้นทุนต่ำ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และการระดมทุนโดยการออกหุ้นสามัญในภาวะตลาดซบเซาทำได้ยาก ภาคเอกชนจึงหันมาออกหุ้นกู้ระดมทุน ซึ่งเป็นช่องทางที่น่าสนใจมากที่สุด"นางสาวอริยา กล่าว
สำหรับตลาดรองตราสารหนี้ พบว่ามีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย/วันแบบซื้อขายขาด (Outright) ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ถ้าตัดมูลค่าการซื้อขายในพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออก จะพบว่า มีมูลค่า 13,799.35 ล้านบาท/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 39%
ตราสารหนี้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ไม่นับพันธบัตร ธปท. ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขาย 386,539.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27% และหุ้นกู้ภาคเอกชนได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 106% ส่วนใหญ่นักลงทุนเน้นการซื้อขายในหุ้นกู้ที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี
นอกจากนี้ เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลได้มีการปรับความชันโดยตลอด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ณ 13 มี.ค.52 เทียบช่วงสิ้น ธ.ค.51 พบว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น อายุไม่เกิน 3% ปรับลดลง ช่วง -101 ถึง -19 bp, พันธบัตรอายุ 4-7 ปี ผลตอบแทนปรับเพิ่มขึ้น 13-80 bp, อายุ 5-10 ปี ผลตอบแทนปรับเพิ่มขึ้น 40-130 bp