กลุ่มวิจัยยางสากลคาดแนวโน้มดีมานด์ยางทั่วโลกอ่อนตัว 5.5% ปีนี้หลังยอดขายรถซบเซา

ข่าวต่างประเทศ Wednesday March 18, 2009 14:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ไฮด์ สมิท เลขาธิการ International Rubber Study Group ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยยางในระดับสากล กล่าวถึงการใช้ยางธรรมชาติทั่วโลกอาจจะลดลงไปอย่างน้อย 5.5% ปีนี้ เนื่องจากยอดขายรถในยุโรปและสหรัฐดิ่งลง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และมองแนวโน้มความต้องการใช้ยางค่อนข้างจะเป็นลบ โดยการใช้ยางอาจจะร่วงลงจากระดับปี 2551 ที่ 9.13 ล้านตัน

ราคายางเมื่อปีที่แล้วดิ่งลงไปถึง 50% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ความต้องการยางรถยนต์ลดลง ตลาดรถในยุโรปเมื่อปีที่แล้วก็หดตัวลงไป 7.8% ขณะที่ยอดขายรถในสหรัฐหดตัว 18% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางชั้นนำทั้ง 3 ประเทศได้ตกลงกันเมื่อเดือนธ.ค.ปที่แล้วว่า จะลดการส่งออกยางลง 700,000 ตันในปีนี้ หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 8% ของความต้องการยางทั่วโลก

สมิทกล่าวต่อไปว่า หากเรามองในมุมบวก โดยใช้ฐานดังกล่าว ในปีนี้คาดว่า ความต้องการใช้ยางธรรมชาติจะลดลงไป 5-5.5% และหากใช้ฐานข้อมูลอื่นๆ ยอดการใช้งานอาจจะลดลงไปมากกว่านี้ และแนวโน้มในปี 2553 อาจจะดีขึ้นกว่านี้

บลูมเบิร์กรายงานว่า ฟ่าน เหรินเต ประธานสมาคมอุตสาหกรรมยางจีน กล่าวว่า ยอดขายในตลาดรถจีน ซึ่งสามารถขึ้นมาแซงหน้าตลาดรถสหรัฐขึ้นเป็นตลาดรถรายใหญ่ที่สุดในโลกเดือนม.ค.นั้น ขยายตัวในระดับที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 10 ปีเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้การใช้งานยางรถยนต์ลดลง แต่ความต้องการใช้ยางของจีนอาจจะขยายตัว 4.7% แตะ 2.65 ล้านตัน จากระดับปีที่แล้วที่ 2.53 ล้านตัน

ประธานสมาคมฯกล่าวว่า สถานการณ์ในจีนดีกว่าในสหรัฐและญี่ปุ่น แต่จีนไม่สามารถชดเชยทั้ง 2 ประเทศได้ เนื่องจากความต้องการใช้ยางโดยรวมจะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยราคายางที่อยู่ในระดับต่ำในปัจจุบัน ซัพพลายเออร์คงจะลดปริมาณการผลิตลง และเราประเมินว่า การผลิตยางปีนี้จะลดลงไป 5-6% จากระดับปีที่แล้วที่ประมาณ 9 ล้านตัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ