สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า อัตราว่างงานของอังกฤษในเดือนก.พ.ขยายตัวในระดับที่รวดเร็วที่สุดในรอบอย่างน้อย 38 ปี ส่งผลให้จำนวนชาวอังกฤษที่ไม่มีงานทำปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 2 ล้านรายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2540 ขณะที่รายได้ก็ขยายตัวในระดับที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่ปี 2534
จำนวนประชาชนที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานเพิ่มขึ้น 138,400 ราย แตะ 1.39 ล้านราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กได้สำรวจความคิดเห็นและคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 84,800 ราย
ทั้งนี้ ตัวเลขว่างงานที่เลวร้ายส่งผลกระทบต่ออนาคตทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ของอังกฤษในช่วงใกล้การเลือกตั้ง โดยก่อนหน้านี้ บราวน์สูญคะแนนนิยมจากบริษัทเอกชนตั้งแต่บริษัทรถไปจนถึงธุรกิจค้าปลีกที่ต่างพากันลดการจ้างงานเพื่อลดต้นทุน โดยในเดือนนี้ ธนาคารกลางอังกฤษได้ลดดอกเบี้ยลงเหลือใกล้ระดับศูนย์ และเริ่มพิมพ์ธนบัตรเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังเผชิญกับภาวะถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี
จอร์จ บัคลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของดอยช์ แบงก์ เอจี กล่าวว่า ผู้ว่างงานอาจจะสูงกว่า 3 ล้านคนภายในระยะเวลา 1 ปี และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ในขณะที่รัฐบาลอังกฤษได้พยายามที่จะหาเสียงเพื่อให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอีกครั้ง เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงอีก และปัจจัยนี้เองที่กำลังส่งผลกระทบต่อการบริโภค รวมทั้งอาจจะนำไปสู่การว่างงานมากกว่านี้
การลดพนักงานหลายพันคนของบริษัทต่างๆ ตั้งแต่บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ และจีเคเอ็น ไปจนถึงบริษัทมือถืออย่างโวดาโฟน ส่งผลให้อัตราว่างงานอยู่ในระดับสูงสุด นับตั้งแต่ที่พรรคแรงงานได้เข้ามาทำหน้าที่รัฐบาลเมื่อ 12 ปีที่แล้ว แม้ว่าบริษัทบางรายรวมถึงโตโยต้ากำลังพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการลดจำนวนพนักงาน ด้วยการใช้วิธีลดชั่วโมงและเงินเดือนที่โรงงานในอังกฤษแทนก็ตาม