FED มีมติคงดอกเบี้ย 0-0.25% ประกาศซื้อพันธบัตร $3 แสนล้านหวังคลายวิกฤติสินเชื่อ

ข่าวต่างประเทศ Thursday March 19, 2009 06:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ไว้เท่าเดิมที่ 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีพ.ศ.2497 และคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ที่ระดับ 0.50% และส่งสัญญาณว่าเฟดจะรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง พร้อมกับประกาศมาตรการใหม่ๆเพื่อยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เฟดเรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งกู้ยืมโดยตรงจากเฟด ส่วนอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากการกู้ยืมระหว่างกัน

คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุม ซึ่งมีใจความว่า "เฟดจะใช้มาตการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และเพิ่มการรับซื้อตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) อีก 7.50 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้มูลค่าการเข้าซื้อตราสารประเภทดังกล่าวของเฟดในปีนี้พุ่งขึ้นเป็น 1.25 ล้านล้านดอลลาร์"

"การดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ เฟดยืนยันว่าจะใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพด้านราคา นอกจากนี้ เฟดจะเข้าซื้อตราสารหนี้ที่ออกโดย หรือ รับประกันโดยสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้เพื่อการซื้อบ้านรายใหญ่ 2 แห่ง คือ แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ในปีนี้ เป็นวงเงินสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์" เฟดระบุ

"เฟดเชื่อว่าการดำเนินการเช่นนี้จะช่วยยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ อีกทั้งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคและกระตุ้นอัตราการปล่อยกู้ให้กับภาคเอกชน นอกจากนี้ เฟดเชื่อว่ามาตรการครั้งใหม่จะช่วยให้สภาพคล่องในระบบไหลลื่นและจะเพิ่มอัตราการจ้างงาน ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในอีกทางหนึ่ง" เฟดกล่าวในแถลงการณ์

เฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวประมาณ 0.5-1.3% ในปีนี้ มากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวเพียง 0.2-1.1% โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวตลอดทั้งปี 2552 ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวทั้งปีเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 8.5-8.8% สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7.1-7.6%

นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่า ราคาบ้านในสหรัฐจะร่วงลงอีกในปีนี้ และยังไม่มีสัญญาณว่าจะฟื้นตัวขึ้นในเร็วๆนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อบริษัทสร้างบ้านและภาพรวมในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฟดคาดว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างจะหดตัวไปจนถึงช่วงปลายปีนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ