เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป (GM) เผยบริษัทร่วมทุนในจีนสามารถทำขายได้มากขึ้นในช่วง 2 เดือนแรกที่ 32% หลังจากที่จีนได้ลดภาษีค้าปลีกรถยนต์ขนาดเล็ก และขณะนี้ รัฐบาลจีนก็อยู่ในระหว่างการให้เงินอุดหนุนมูลค่า 5 พันล้านหยวน หรือ 731 ล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นยอดขายรถในพื้นที่ชนบท
ก่อนหน้านี้ จีเอ็มก็ได้รับเงินช่วยเหลือในรูปของเงินกู้จากรัฐบาลสหรัฐจำนวน 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์มาแล้ว เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แต่ตอนนี้บริษัทดูเหมือนว่าจะต้องขอบคุณรัฐบาลจีนที่งัดแผนให้เงินอุดหนุนถึง 1,170 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยให้บริษัทสามารถขายรถตู้ได้
จีเอ็มได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์การขยายตัวของยอดขายปี 2552 ถึง 2 เท่า หลังจากที่การลดภาษีของจีนและการให้เงินอุดหนุนช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อรถ และยังทำให้จีนแซงหน้าสหรัฐขึ้นแท่นตลาดรถรายใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้วในปีนี้ ซึ่งสถานการณ์กลับตรงกันข้ามกันในสหรัฐ ยอดขายของจีเอ็มนั้นดิ่งลง 51% ส่งผลให้บริษัทต้องขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมากขึ้นถึง 1.66 หมื่นล้านดอลลาร์
บลูมเบิร์กรายงานว่า เยล จาง ที่ปรึกษาบริษัทซีเอสเอ้ม เอเชีย กล่าวว่า เกษตรกรในจีนต้องการรถใหม่ จำนวนทั้งหมดถึง 800 ล้านคน ดูเหมือนว่ารัฐบาลจีนจะช่วยให้ความหวังเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมาได้
การให้เงินอุดหนุนธุรกิจยานยนต์ของจีนนี้สอดคล้องกับแผนการกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศที่ต้องการให้มีการกระจายไปยังพื้นที่ในชนบทที่ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการทำอาชีพในภาคการเกษตร และในชนบทนี้เองก็มีประชาชนอาศัยอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งถึง 1.3 พันล้านคน และยังสอดคล้องกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวนที่มีการออกแบบมาเพื่อฟื้นเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
จีเอ็มคาดการณ์ว่า ยอดขายรถในจีนอาจจะขยายตัวขึ้น 5-10% ปีนี้ จากที่ก่อนหน้านี้ได้คาดการณ์ว่า การขยายตัวของยอดขายในจีนจะไม่สูงเกิย 3% บริษัทยังคาดการณ์ว่า จะสามารถทำยอดขายได้ในตลาดต่างๆมากขึ้นถึง 3% เนื่องจากได้ยอดขายของบริษัท SAIC-GM-Wuling Automobile Co. ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถตู้รายใหญ่สุดในจีน และยังทำยอดขายในจีนให้จีเอ็มอย่างน้อยเกือบถึงครึ่งหนึ่ง