นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า คาดว่า ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในปี 52 จะลดลง 2% จากสาเหตุหลักความต้องการใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว
ในช่วงไตรมาส 1/52 คาดว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศจะลดลง 5% เนื่องจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในระดับโลกทำให้การส่งออกของไทยลดลง 26% ส่งผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม จากสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรม ที่อยู่ระดับสูงถึง 50% ภาคธุรกิจ 25% และภาคครัวเรือน 25%
สำหรับกำลังการผลิตติดตั้งในปี 52 อยู่ที่ 28,400 เมกะวัตต์ และ ตั้งแต่ เม.ย.นี้ เป็นต้นไป โรงไฟฟ้าของ กฟผ. 5 โรง จะถูกปลดออกจากระบบ เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าเก่า ประกอบด้วยโรงไฟ้ฟ้าพระนครใต้ บางกระบือ หนองจอก สุราษฎร์ธานี ลานกระบือ ทั้งหมดมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 2,700 เมกกะวัต
แต่จะมีโรงไฟฟ้าใหม่ทั้งของ กฟผ.และภาคเอกชน มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 3,500 เมกกะวัตต์เข้ามาชดเชย ขณะที่การสำรองไฟฟ้าในปีนี้อยู่ที่ 28-30% ของกำลังการผลิตทั้งหมด