อลัน เกล นักวิเคราะห์จาก RidgeWorth Investments กล่าว ตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ได้รับแรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจจีนและชิลีที่ยังขยายตัวต่อไปได้ แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างหนักก็ตาม โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนพุ่งขึ้น 22% ในปีนี้
"ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่กำลังสร้างปรากฏการณ์ด้วยการพุ่งขึ้นสวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจจีนและชิลีที่ยังขยายต่อไปได้ แม้ประเทศตลาดเกิดใหม่ได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจไม่น้อยไปกว่าสหรัฐและยุโรตะวันตก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะกลุ่มตลาดเกิดใหม่สามารถรวมตัวกันได้ จึงทำให้สามารถต้านทานเศรษฐกิจผันผวนได้" เกลกล่าว
เกลกล่าวว่า นักลงทุนแห่เข้าเทรดในตลาดหุ้นจีนเพราะมั่นใจว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 8% ในปีนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นรัสเซีย บราซิล และชิลี พุ่งขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมัน สินแร่เหล็ก และโลหะทองแดงที่ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่เดวิด ดาร์ส นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley Global Wealth Management กล่าวว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมาก็เพราะนักลงทุนให้น้ำหนักกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าภาวะขาดทุนของสถาบันการเงินจะจบสิ้นลง หลังจากซิตี้กรุ๊ป, เจพีมอร์แกน, แบงค์ ออฟ อเมริกา และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ระบุว่าธนาคารสามารถทำกำไรได้ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้
"ผมไม่คิดว่าวิกฤตการณ์ในภาคการธนาคารจะยังไม่สิ้นสุดลงในเร็ววันนี้ แต่ช่วงเวลานี้อาจเป็นโอกาสที่ดีในการทำกำไร" ดาร์สกล่าว
สำหรับตลาดหุ้น 7 แห่งในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ทะยานขึ้นแข็งแกร่งในปีนี้ได้แก่ ตลาดหุ้นโคลัมเบีย เปรู เวเนซูเอลา ปากีสถาน ตูนีเซีย จาไมก้า และศรีลังกา โดยมีเม็ดเงินทุนรวมในตลาดเกือบ 1 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับสหรัฐที่ 9.4 ล้านล้านดอลลาร์
นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีนกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า รัฐบาลจะผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวตามเป้าหมายที่ 8% แม้ยอดส่งออกเดือนก.พ.ดิ่งลง 25.7% ก็ตาม นอกจากนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะเพิ่มวงเงินในมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.86 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อสกัดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เดวิด ดอลลาร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการจีนของธนาคารโลกกล่าวว่า "มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนมีประสิทธิภาพมากเพราะจีนมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในระดับสูง จึงมีกำลังที่จะจัดสรรงบประมาณการใช้จ่าย การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของจีนทำให้เรามั่นใจว่าเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลพวงในด้านบวกไปด้วย" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน